ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (25 พ.ค.) โดยดาวโจนส์ดิ่งลงหลุดจากระดับ 10,000 จุดในระหว่างวัน แต่ดัชนีดีดตัวขึ้นในช่วงท้ายเนื่องจากนักลงทุนเริ่มเข้ามาช้อนซื้อหุ้น ซึ่งช่วยให้ดาวโจนส์ปิดลบเพียงเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังคงถูกกดดันจากความกังวลที่ว่า มาตรการรัดเข็มขัดที่หลายประเทศในยุโรปนำมาใช้เพื่อลดยอดขาดดุลงบประมาณนั้น อาจส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจด้วย
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดลบ 22.82 จุด หรือ 0.23% แตะที่ 10,043.75จุด ดัชนี S&P 500 ขยับขึ้น 0.38 จุด หรือ 0.04% ปิดที่ 1,074.03 จุด และดัชนี Nasdaq ลดลง 2.60 จุด หรือ 0.12% ปิดที่ 2,210.95 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.306 หมื่นล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 2 ต่อ 1 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 9.65 พันล้านหุ้น
นักวิเคราะห์จากเมอร์ริเดียน อิควิตี้ พาร์ทเนอร์ส ในกรุงนิวยอร์กกล่าวว่า กระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้สาธารณะและยอดขาดดุลงบประมาณในยุโรปยังคงเป็นปัจจัยลบที่ส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการลงทุนในตลาด รวมทั้งความกังวลที่ว่ามาตรการรัดเข็มขัดในยุโรปอาจส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจด้วย ซึ่งความกังวลในเรื่องดังกล่าวได้ฉุดดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลงหลุดจากระดับ 10,000 จุดในช่วงเช้า ก่อนที่จะดีดตัวขึ้นในช่วงท้ายของการซื้อขาย เนื่องจากนักลงทุนเข้ามาช้อนซื้อเอาไว้
ความกังวลเรื่องปัญหาการเงินในยุโรปทำให้ภาวะการซื้อขายในตลาดเป็นไปอย่างผันผวน โดยล่าสุดมีรายงานว่า สมเด็จพระราชินีอลิซาเบธที่ 2 แห่งราชวงศ์อังกฤษ ซึ่งเป็นองค์ประธานในพิธีเปิดการประชุมรัฐสภาอังกฤษ กล่าวว่า รัฐบาลอังกฤษชุดใหม่ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอน จำเป็นต้องลดยอดขาดดุลงบประมาณ และพลิกฟื้นเศรษฐกิจประเทศให้กลับมาขยายตัวได้เหมือนเดิม ขณะที่ประเทศอื่นๆในยุโรปยังคงเดินหน้าใช้มาตรการลดยอดขาดดุลงบประมาณ รวมถึงสเปน ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวทำให้นักลงทุนกังวลว่ามาตรการรัดเข็มขัดเหล่านี้อาจส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจด้วย
ความวิตกกังวลเกี่ยวปัญหาการเงินในยุโรปเพิ่มมากขึ้น หลังจากธนาคารกลางสเปนเข้าเทคโอเวอร์ธนาคาร Cajasur ซึ่งเป็นธนาคารออมทรัพย์แห่งหนึ่งของสเปน ขณะที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เตือนว่า ระบบการเงินของสเปนตกอยู่ภายใต้แรงกดดันเนื่องจากการควบรวมกิจการในภาคการเงินเป็นไปอย่างล่าช้า
นอกเหนือจากความกังวลเรื่องปัญหาการเงินในยุโรปแล้ว นักลงทุนยังคงวิตกต่อความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ หลังจากนายคิม จองอิล ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ สั่งการให้กองทัพเกาหลีเหนือเตรียมพร้อมสำหรับการสู้รบ ขณะเดียวกันมีรายงานว่า สหรัฐและเกาหลีใต้จะจัดการซ้อมรบเพื่อต่อต้านเรือดำน้ำร่วมกันในน่านน้ำนอกคาบสมุทรเกาหลีในอนาคตอันใกล้นี้ หลังจากที่มีการเปิดเผยข้อมูลการสอบสวนที่ชี้ว่า เกาหลีเหนือยิงจรวดตอร์ปิโดใส่เรือรบเกาหลีใต้ในทะเลเหลืองจนเรืออับปางลง และมีผู้เสียชีวิต 46 ราย
สำนักงานคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด รายงานว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ค.ของสหรัฐเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 3 สู่ระดับสูงสุดในรอบกว่า 2 ปี
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันพุธ กระทรวงพาณิชย์จะเปิดเผยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนเม.ย.และยอดขายบ้านใหม่เดือนเม.ย. วันพฤหัสบดี กระทรวงพาณิชย์จะเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาสแรกปีนี้ และกระทรวงแรงงานจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ส่วนวันศุกร์ สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) จะเปิดเผยดัชนีภาวะธุรกิจในกรุงนิวยอร์กเดือนพ.ค.