นายจุมพล เตชะไกรศรี กรรมการผู้จัดการ บมจ.ทีกรุงไทย (TKT)กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้าหมายในปี 53 ยอดขายน่าจะเติบโตได้ใกล้เคียงกับภาพรวมอุตสาหกรรมยานยนต์ที่คาดว่าเติบโต 30-40% แต่ขณะนี้บริษัทยังไม่ปรับเป้าหมายการเติบโตของรายได้จากเดิมที่ตั้งไว้ 15% เชื่อว่าปัญหาการเมืองที่เกิดขึ้นไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อคำสั่งซื้อ แต่ช่วงสั้นอาจมีการพิจารณาสถานการณ์ให้รอบคอบอีกครั้งเท่านั้น
สำหรับอัตรากำไรขั้นต้นในปีนี้ตั้งเป้าเพิ่มเป็น 18% จากปีที่แล้ว 17.12 % โดยอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นมาจากยอดขายที่เพิ่มขึ้น การปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตและต้นทุนคงที่ยังคงไม่เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ ยอดขายในช่วงไตรมาส 2/53 ลดลงจากไตรมาส 1/53 เล็กน้อย เนื่องจากมีวันหยุดจำนวนมากช่วงสงกรานต์ แต่ไม่เกี่ยวข้องกับปัญหาการเมือง แต่การประกาศเคอร์ฟิวทำให้บริษัทต้องหยุดงานไปบางส่วนในช่วง 19-21 พ.ค.ซึ่งสามารถผลิตชดเชยในช่วงวันอื่น อย่างไรก็ตาม ยอดขายในไตรมาส 2/53 หากเทียบกับไตรมาส 2/52 พบว่ายอดขายดีกว่าแน่นอน
นายจุมพล กล่าวว่า บริษัทได้ปรับงบลงทุนเพิ่มเป็น 160 ล้านบาท จากเดิมที่ตั้งไว้ 60 ล้านบาท เพื่อซื้อเครื่องจักรเพิ่มเติม ซึ่งคณะกรรมการบริษัทอนุมัติแล้ว โดยจะเริ่มได้ในเดือน ส.ค.นี้ กำลังการผลิตใหม่จะรองรับยอดขายเพิ่มเป็น 1.4 พันล้านบาท/ปี จากเดิม 1.2 พันล้านบาท/ปี
สำหรับเครื่องจักรดังกล่าวนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นเพื่อรองรับการผลิตชิ้นส่วนรถยนต์คุณภาพสูงขนาดเล็ก ซึ่งขณะนี้เป็นการลงทุนในเฟสแรก เพราะบริษัทยังมีแผนการลงทุนเพิ่มเติม ซึ่งยังอยู่ระหว่างการศึกษาการเปิดโรงงานใหม่ คาดว่าครึ่งหลังของปีนี้จะสามารถสรุปได้ว่าจะลงทุนสร้างโรงงานใหม่หรือไม่ และใช้เงินจำนวนเท่าไร
บริษัทยังไม่สามารถสรุปได้ในขณะนี้ว่าจำเป็นต้องเพิ่มทุนหรือไม่ แต่ปัจจุบันบริษัทมี D/E อยู่ที่ 0.6 เท่า จากกรอบที่กำหนดไว้ไม่เกิน 1.5 เท่า ซึ่งยังคงเหลือวงเงินที่สามารถกู้ได้อีก 400-450 ล้านบาท เบื้องต้นอาจไม่จำเป็นต้องเพิ่มทุน โดยจะใช้วงเงินกู้เท่านั้น โดยการลงทุนเพิ่มเติมยังอยู่ในอุตสาหกรรมเดิมเกี่ยวกับชิ้นส่วนยานยนต์
ปัจจุบัน สัดส่วนรายได้ของบริษัทมาจากการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ 65% และชิ้นส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้า 27% ที่เหลือเป็นชิ้นส่วนประเภทอื่น