นายชัย โสภณพนิช ประธานคณะผู้บริหาร บมจ.กรุงเทพประกันภัย(BKI)กล่าวว่า เบื้องต้นบริษัทคาดว่าวงเงินประกันที่บริษัทรับผิดชอบโดยตรงจากเหตุการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นอยู่ที่ประมาณ 6-7 ล้านบาทเท่านั้น เนื่องจากมีผู้ที่ทำประกันเหตุก่อการร้ายแค่ 2 ราย จากทั้งหมด 53 กรรมธรรม์ที่ได้รับผลกระทบในช่วงเดือน พ.ค. และวงเงินประกันส่วนใหญ่บริษัทก็ได้ส่งไปประกันภัยต่อในต่างประเทศ
"คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.)ชี้แล้วว่าความเสียหายมาจากการก่อการร้าย ทำให้การชดเชยความเสียหายชัดเจนว่าเฉพาะภัยก่อการร้าย ของเราส่วนใหญ่ส่งต่อต่างประเทศทั้งหมด พอร์ตที่ effect กับ BKI มีแค่ 2 ราย ผลกระทบมีแค่ 6-7 ล้านบาทเท่านั้น" นายพนัส ธีรวณิชย์กุล ผู้อำนวยการ BKI กล่าวเสริม
นายชัย กล่าวอีกว่า ผู้เอาประกันภัยที่ได้รับผลกระทบตั้งแต่ต้น พ.ค.จนถึง 25 พ.ค.มีจำนวน 53 กรรมธรรม์ แต่ในจำนวนนี้มีเพียงธนาคารกรุงเทพ และ โลตัส เอ็กเพรส ที่ทำประกันภัยก่อการร้ายโดยตรง ซึ่งจากการประเมินความเสียหายเบื้องต้นของทั้ง 2 ราย มีจำนวนประมาณ 82 ล้านบาท
ธนาคารกรุงเทพทุกสาขาเกือบ 1 พันแห่ง มีทุนประกันภัยเกือบ 200 ล้านบาท พบว่ามีความเสียหาย 23 แห่ง รวมทั้งตู้เอทีเอ็มทั่วประเทศ มูลค่าความเสียหายประมาณ 60 ล้านบาท ส่วนโลตัส เอ็กเพรสซ์ สาขาบ่อนไก่ที่ถูกวางเพลิง มีทุนประกัน 22 ล้านบาท ยังอยู่ระหว่างประเมินความเสียหาย
สำหรับกรรมธรรม์ที่เหลือเป็นการประกันอัคคีภัย ความเสี่ยงและทรัพย์สิน และประกันภัยเบ็ดเตล็ด 51 ฉบับ รวมทุนประกันภัยทั้งสิ้น 5 พันล้านบาท แต่เนื่องจากทุนประกันภัยเหล่านี้ไม่ได้มีการทำประกันก่อการร้ายจึงไม่มีการคุ้มครอง แต่ถือว่าประกันภัยก่อการร้ายถือเป็นการประกันที่รุนแรงที่สุด ทั้งการรุกฮือของประชาชน การจลาจล แต่ถ้าประกันเฉพาะการจลาจลก็จะไม่ได้คุ้มครองถึงการก่อการร้าย
ส่วนผู้เอาประกันที่ไม่ได้ทำประกันภัยก่อการร้ายนั้น ขณะนี้ทางการก็มีนโยบายให้บริษัทประกันภัยออกมาให้ความช่วยเหลือ แต่ก็คงต้องดูภาพรวมความเสียหายก่อน และรอนโยบายจากทางสมาคมประกันภัย เพราะการช่วยเหลืออาจจะกระทบต่อผลประกอบการบริษัท
"กระทบกำไรสุทธิน้อยมากและขั้นตอนการจ่ายเงินคงทราบในอีก 2 สัปดาห์ ส่วนจะกระทบกับผลการดำเนินงานของบริษัทหรือไม่ต้องรอพิจารณาก่อน แต่เชื่อว่าจะไม่กระทบกำไรมากเพราะบริษัทยังมีการลงทุนอย่างอื่นด้วย"นายชัย กล่าว
นายชัย ยังคาดว่า แนวโน้มครึ่งปีหลังการประกันภัยก่อการรร้ายน่าจะเติบโตขึ้น โดยปัจจุบันทั้งตลาดมีการทำประกันภัยก่อการร้ายประมาณ 200-300 ล้านบาท ส่วนต่างประเทศที่รับประกันภัยต่อยังคงรอความชัดเจนโดยเฉพาะในจังหวัดที่ติดเคอร์ฟิว แต่คาดว่าไม่เกิน 1 เดือนจะกลับมาพิจารณาใหม่หลังหยุดรับไปเนื่องจากเหตุการณ์ความไม่สงบ
อย่างไรก็ตาม เมื่อ 2 ปีที่แล้วเบี้ยประกันก่อการรายสูงกว่าอัคคีภัย 2.5 เท่า แต่ 2 เดือนที่แล้วแพงกว่า 7-8 เท่า ทำให้ผู้ทำประกันไม่ต้องการทำ แต่หลังจากนี้เบี้ยประกันก่อการร้ายน่าจะเพิ่มขึ้นอีกไม่มากแล้ว เพราะตลาดประกันภัยการก่อการร้ายจะเติบโตขึ้น แต่ส่วนใหญ่บริษัทจะส่งต่อไปยังต่างประเทศ นอกจากรายเล็กจริงๆ