นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า การที่นักลงทุนต่างชาติยังคงขายหุ้นสุทธิต่อเนื่อง มองว่าน่าจะเกิดจากสถานการณ์วิกฤติเศรษฐกิจของประเทศยุโรป ซึ่งกดดันให้ตลาดหุ้นลดลง ซึ่งเห็นได้จากตลาดหุ้นต่างประเทศ ปรับตัวลดลง 7-8% ขณะที่ตลาดหุ้นไทย ปรับลดลง 2-2.9% เท่านั้น ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่ทำให้ต่างชาติโยกเงินลงทุนออกไปลงทุนที่อื่น ขณะเดียวกันการโยกเงินของตลาดหุ้นไทย ยังมาจากปัจจัยการเมือง
อย่างไรก็ตาม เมื่อราคาหุ้นขึ้นไปสู่ระดับที่ให้ผลตอบแทนที่ดี เชื่อว่านักลงทุนจะกลับเข้ามาลงทุน โดยตลาดหุ้นไทยยังมีความน่าสนใจเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นอื่นอยู่ เนื่องจากพื้นฐานตลาดหุ้นไทยยังดี และจากการประเมินตัวเลขการเข้ามาลงทุนของต่างชาติในเดือน ก.พ.53 เป็นเม็ดเงินถึง 4.4 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นจำนวนที่มากเมื่อเทียบตลาดหุ้นในภูมิภาค จึงเชื่อมั่นว่าตลาดหุ้นไทยยังเป็นที่สนใจของนักลงทุนต่างชาติ
"การที่ต่างชาติขายและโยกเม็ดเงินออกไปในช่วงนี้ ถือว่าเป็นเรื่องปกติเพราะถึงรอบที่จะขายหุ้นหลังจากซื้อมาก่อนหน้านี้เพื่อปรับพอร์ต และหาตลาดที่ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า แต่เชื่อว่าในที่สุดต่างชาติจะกลับเข้ามา เพราะสถานการณ์การเมืองเริ่มคลี่คลายในทิศทางที่ดีขึ้น" นางภัทรียา กล่าว
นางภัทรียา กล่าวว่า จากผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมืองที่เกิดขึ้น คณะกรรมการ ตลท.ได้อนุมัติวงเงินในระยะแรก จำนวน 5 ล้านบาท โดยใช้งบจากมูลนิธิตลาดหลักทรัพย์ ในการให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบที่อยู่บริเวณโดยรอบสำนักงาน ตลท. เช่นโรงเรียน ป้อมตำรวจ และระยะต่อไปจะมีการร่วมมือกับภาครัฐในการสนับสนุนงบประมาณ เพื่อให้ความช่วยเหลือ เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบเช่นกัน