หุ้น CYBER ปิดเทรดช่วงเช้าที่ 1.73 บาท เพิ่มขึ้น 0.13 บาท(+8.13%)จากราคา IPO ที่ 1.60 บาท/หุ้น มูลค่าซื้อขาย 367.99 ล้านบาท โดยเปิดตลาดที่ 1.70 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1.79 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 1.64 บาท
นอกจากนี้ ยังมีรายการบิ๊กล็อตหุ้น CYBER 8 รายการ จำนวน 17,117,220 หุ้น มูลค่าซื้อขาย 27.39 ล้านบาท เทรดในราคาเฉลี่ยหุ้นละ 1.60 บาท
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เคที ซีมิโก้ ประเมินมูลค่าที่เหมาะสมของ บมจ.ไซเบอร์แพลนเน็ต อินเตอร์แอคทีฟ(CYBER)ด้วยวิธีการเปรียบเทียบ PER กับผู้ประกอบการที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันทั้งในและต่างประเทศ ได้ 1.85 บาท (PER 1 0.5 เท่า)
CYBER มีกำไรสุทธิ 5.7 ล้านบาทใน 1Q53 เพิ่มขึ้นถึง 4 เท่าตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 80%QoQ สาเหตุหลักมาจากการเติบโตของรายได้ (+156%YoY และ +17%QoQ) เป็น 22 ล้านบาท อีกทั้งรายได้ในไตรมาสนี้ยังมาจากการผลิตซอฟท์แวร์เกมที่มีคุณภาพ และเริ่มมีรายได้จากธุรกิจสอนภาษาอังกฤษ ซึ่งมีอัตรากำไรสูง จึงดึงให้อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มจาก 46.9% ใน 1Q52 เป็น 69.4% ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารยังสามารถควบคุมได้ดี อัตรากำไรสุทธิจึงพุ่งขึ้นกว่าเท่าตัวจาก 12.6% เป็น 26.2%
แม้กำไรใน 1Q53 จะคิดเป็นเพียง 12% ของประมาณการกำไรทั้งปีที่ทำไว้ 49 ล้านบาท (+177%YoY) แต่ยังไม่มีการปรับประมาณการ ณ ขณะนี้ เพราะเชื่อว่ากำไรจะเร่งตัวขึ้นได้ในช่วงเวลาที่เหลือของปี โดยเราคาดว่า ธุรกิจเกมคอนโซล ซึ่งพัฒนาฝีมือจนได้รับการยอมรับจากผู้จำหน่ายเกมยักษ์ใหญ่ น่าจะเติบโตจากปีก่อนได้ไม่ต่ำกว่า 1.5 เท่า ที่เหลือจะมาจากการหันกลับมาทำตลาดเกมในประเทศ โดยจะเน้นไปที่งานภาครัฐ และการพัฒนาซอฟท์แวร์เกม เพื่อใช้กับธุรกิจสถาบันเสริมทักษะการเรียนรู้สำหรับเด็ก “Genius Planet" ซึ่งดีตรงที่ไม่ต้องไปเสี่ยงกับการถูกละเมิดลิขสิทธิ์เกม และยังมีแนวโน้มเติบโตได้อย่างรวดเร็ว จากแผนการขยายสาขาเชิงรุก ทั้งในส่วนของบริษัทเอง (เน้นพื้นที่กรุงเทพ) และการขายแฟรนไชส์ (ตลาดต่างจังหวัด)
นายวรชาติ ทวยเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟินเน็กซ์ แอ๊ดไวเซอรี่ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน CYBER กล่าวว่า ในปี 2553 บริษัทจะเปิดโรงเรียนที่ใช้เกมส์เป็นสื่อการเรียนการสอนจำนวน 100 สาขา จากปัจจุบัน 3 สาขา โดยแบ่งเป็นการขายเฟรนไชด์ 70 แห่ง และปีนี้มีแผนจะออกเกมส์ใหม่ 20 เกมส์ โดยปกติหนึ่งเกมส์ได้รับความนิยม 1-2 แสนราย แต่ได้ลูกค้าเป็นล้านรายจะเติบโตสูงมาก และเป็นผู้พัฒนาซอฟแวร์และขายเครื่องเกมส์ด้วยซึ่งเป็นบริษัทไทยบริษัทเดียว ปีนี้คาดว่ากำไรจะเติบโตอย่างก้าวกระโดดเพราะได้รับแรงตามรับที่ดี โดยเฉพาะเกมส์คอนโซส โดยปี 2552 กำไร 16 ล้านบาท ซึ่งมั่นใจว่าปีนี้กำไรจะโตอย่างก้าวกระโดด
นายวรชาติ กล่าวต่อว่า ในการเป็นที่ปรึกษาทางการเงินให้บริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์อีก 2 แห่ง คือ บมจ.สาลี่คัลเล่อร์ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ(MAI) และบมจ.กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จะเข้าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งทั้งสองตัวเป็นบริษัทที่อยู่ในภาคอุตสาหกรรมไม่น่าจะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ไม่ปกติ