นายสมัชชา พรหมศิริ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดองค์กร บมจ.แสนสิริ (SIRI) เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าจะมีการปรับเป้ายอดขายในไตรมาส 2/53 เพิ่มขึ้น จากเป้าหมายเดิมที่คาดว่าจะทำยอดขายได้ที่ 4.1 พันล้านบาท เนื่องจากดีมานด์และการตัดสินใจของผู้ซื้อบ้านที่มากขึ้น เห็นได้จากการเข้ามาชมโครงการของบริษัท และมีการตัดสินใจ และคาดว่าในช่วง 1-2 เดือนนี้ตลาดอสังหาริมทรัพย์จะกลับมาเป็นที่สนใจขึ้นอีก เนื่องจากการที่รัฐบาลตัดสินใจต่ออายุมาตรการภาษีอสังหาริมทรัพย์อีก 1 เดือน และการคลี่คลายของสถานการณ์ชุมนุม
นอกจากนี้ บริษัทมีแผนเร่งระบายสต็อคบ้านที่มีอยู่เพื่อให้ถือเป็นเงินสด และสร้างยอดขายที่มากขึ้น จึงเชื่อว่าในช่วงครึ่งหลังปี 53 ยอดขายของบริษัทจะเติบโตต่อเนื่องเพราะเป็นช่วงไฮซีซั่น ขณะเดียวกันบริษัทมีแผนที่จะเปิดโครงการบ้านบีโอไอในปีนี้อีก 1 โครงการด้วย
อย่างไรก็ตาม แม้บริษัทจะมีการปรับเพิ่มยอดขายในไตรมาส 2/53 และช่วงไตรมาส 3-4/53 จะเป็นช่วงทำยอดขายสูงสุดของธุรกิจแต่บริษัทยังคงเป้าหมายยอดขายในปีนี้ที่ 22,000 ล้านบาท และยังคงเดินหน้าเปิดโครงการต่อเนื่องตามแผนที่วางไว้ 20 โครงการ โดยในช่วงเกิดเหตุการณ์จลาจล 2 สัปดาห์ บริษัทไม่ได้รับผลกระทบ โดยยังมียอดขายจากโครงการต่างๆ 30 ล้านบาท โดยเฉพาะโครงการแนวราบ จะอยู่ทำเลรอบนอกการชุมนุมจึงไม่มีผลกระทบ
นายสมัชชา กล่าวอีกว่า ในปีนี้บริษัทให้ความสำคัญกลยุทธการตลาดในรูปแบบการใช้สื่อดิจิตอล เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้า โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ และคาดว่าจะมียอดขายโครงการจากสื่อออนไลน์ ในปีนี้ 10-15% จากปีก่อนที่มียอดขายผ่านสื่อออนไลน์ 1,700-1,800 พันล้านบาท
"ช่วง 2-3 เดือนนี้ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ภาพรวมธุรกิจอสังหาฯยังเติบโตได้อย่างแน่นอน และยิ่งมีมาตรการภาษีของภาครัฐมาต่ออีก 1 เดือน ซึ่งอยู่กับแต่ละบริษัทจะงัดกลยุทธอะไรมาแข่งขัน แต่ในช่วงหลังจากนั้นอีก 1-2 เดือนถัดจากนี้ไป มีความน่ากังวลที่อาจส่งผลกระทบต่อความมั่นใจผู้บริโภคและควรจับตามอง ไม่ว่าเศรษฐกิจโลก ปัญหาเกาหลีเหนือ เกาหลีใต้ อาจเป็นปัจจัยกดดัน ซ้ำเติมตลาด" นายสมัชชา กล่าว