ม.ร.ว.ศุภดิศ ดิศกุล กรรมการผู้จัดการ บมจ.บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ( BAFS) กล่าวว่า บริษัทได้ปรับคาดการณ์ปริมาณการเติมน้ำมันในปี 53 เหลือโต 2.2% จากเดิม 3.5% จากความวุ่นวายการเมืองในประเทศและการระเบิดของภูเขาไฟในไอร์แลนด์ รวมทั้งคาดการณ์รายได้เหลือโต 3.5 -4% จากเดิมที่คาดว่าจะรายได้จะโต 5% เพราะว่าได้รับผลกระทบโดยตรงจากการจลาจลและประกอบกับเป็นช่วงโลว์ซีซั่น สายการบินที่เดินทางมายังประเทศไทยน้อย
ทั้งนี้ ในเดือนพ.ค.คาดว่าปริมาณการเติมน้ำมันจะโตเพลือเพียง 2% จากเดิมคาด 6% และคาดว่าเดือนมิ.ย.-ก.ค. จะติดลบ 1-2% และอาจได้เห็น 0% แต่ช่วงส.ค.เป็นช่วงวันหยดุยาวของยุโรป คาดว่าจะมีการเดินทางเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้เริ่มเห็นสัญญาณที่ดีเช่นการเพิ่มเที่ยวบินไป โจฮันเนสเบิร์ก เพื่อรองรับการแข่งขันฟุตบอลโลก เชื่อว่าจะมีการดีต่อธุรกิจบริการเติมน้ำมันด้วย
"ปริมาณการเติมน้ำมัน 2.2% ถือว่าแย่ที่สุดแล้ว และหวังว่าช่วงไฮซีซั่นอาจจะกลับมาดีขึ้นหากภาพลักษณ์ประเทศดีขึ้นคงฟื้นกลับมาที่เห็นตารางบินที่แจ้งไว้กับมาเป็นปกติ ช่วงปลายปีเป็นช่วงเดินทางของคนทั้งในประเทศและต่างประเทศเชื่อว่าจะดีอีกครั้งและถ้าการเมืองสงบด้วยอาจโตกว่า 2.2% และปัจจุบันต่างชาติก็ยกเลิกการห้ามมาเที่ยวไทย ส่วนผลกระทบการเผาบ้านเผาเมืองไม่กระทบในเดือนนี้แต่กระทบมิ.ย.-ก.ค. ที่มียกเลิกเที่ยวบินไป"
ขณะที่ คาดว่าใน 3-5 ปีข้างหน้าปริมาณการเติมน้ำมันจะเติบโตเฉลี่ยไม่น้อยกว่า 3%
ส่วนการปรับเพิ่มของการบริการเติมน้ำมันเชื้อเพลิงที่สนามสุวรรณภูมิ ณ ขณะนี้ ยังไม่มีการปรับเพิ่มราคา เพราะราคาของบริษัทเท่ากับสิงคโปร์ ฮ่องกง ทำให้ลูกค้าสายการบินเปลี่ยนไปเติมน้ำมันที่อื่นได้เพราะการแข่งขันด้านการบริการเติมเชื้อเพลิงการบินมีการแข่งขันสูง ซึ่งปัจจุบันเที่ยวบินเดินทางมายังประเทศไทยอยู่แล้วจึงไม่เหมาะสมที่จะขึ้นราคาช่วงนี้
อย่างไรก็ตาม บริษัทไม่มีการลงทุนใหญ่ ขณะที่การลงทุนการก่อสร้างอาคารผู้โดยสาร ของสนามบินสุวรรณภูมิ เฟส 2 นั้นทางบริษัท ทาร์โก้ (TARCO) ซึ่งเป็นบริษัทลูกที่ให้บริการท่อส่งน้ำมัน จะเป็นผู้ลงทุนขยายหลุมเติมน้ำมัน ซึ่งมูลค่าลงทุนแค่ 700 ล้านบาท โดยบริษัท ทาร์โก้ จะหมดภาระหนี้สินในปี 55 สอดคล้องกับเวลาการก่อสร้างของหลุมเติมน้ำมันที่คาดว่าแบบการก่อสร้างจะแล้วเสร็จปี 57 ทำให้สามารถใช้เงินลงทุนของตัวเองได้และยังจ่ายปันผลให้ BAFS ได้เช่นเดิม