ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทะยานขึ้นแข็งแกร่งเมื่อคืนนี้ (27 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกกังวลหลังจากจีนได้ออกมาปฏิเสธรายงานของไฟแนนเชียล ไทม์ส ที่ระบุว่าจีนกำลังทบทวนการถือครองพันธบัตรรัฐบาลยุโรป
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ทะยานขึ้น 284.54 จุด หรือ 2.85% ปิดที่ 10,258.99 จุด ดัชนี S&P 500 ดีดขึ้น 35.11 จุด หรือ 3.29% ปิดที่ 1,103.06 จุด และดัชนี Nasdaq พุ่งขึ้น 81.80 จุด หรือ 3.73% ปิดที่ 2,277.68 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.4 พันล้านหุ้น ลดลงเมื่อเทียบกับวันพุธที่ผ่านมาที่ 1.9 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในสัดส่วน 2,885 ต่อ 220 หุ้น
ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นขานรับข่าวที่ว่า สำนักงานปริวรรตเงินตราแห่งรัฐของจีน (SAFE) ซึ่งเป็นหน่วยงานบริหารจัดการทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของจีนที่มีมูลค่าสูงถึง 2.5 ล้านล้านดอลลาร์ ได้ออกมาปฏิเสธรายงานของไฟแนนเชียล ไทม์ส ที่ระบุว่า SAFE กำลังทบทวนการถือครองพันธบัตรรัฐบาลยุโรป พร้อมกับยืนยันว่ารายงานดังกล่าวของไฟแนนเชียล ไทมส์ ไม่มีมูลความจริงแต่อย่างใด
แถลงการณ์ยืนยันของ SAFE มีขึ้นหลังจากไฟแนนเชียล ไทมส์ รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า SAFE ได้ประชุมร่วมกับกลุ่มผู้บริหารธนาคารต่างชาติที่กรุงปักกิ่ง เพื่อหารือและทบทวนการถือครองพันธบัตรรัฐบาลยุโรป ซึ่งเป็นผลมาจากการขาดเสถียรภาพด้านการเงินในยุโรป ซึ่งข่าวดังกล่าวได้สร้างความตื่นตระหนกและฉุดดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลงหลุดจากระดับ 10,000 จุดเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 4 เดือนเมื่อวันพุธที่ผ่านมา (26 พ.ค.)
ข่าวดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลและมองข้ามข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐ โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยการประมาณการครั้งที่ 2 ของผลิตภัณฑ์รวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาสแรกปีนี้ว่า จีดีพีไตรมาสแรกขยายตัวในอัตรา 3% ต่ำกว่าที่ประมาณการไว้ครั้งแรกว่าขยายตัว 3.2% ต่อปี และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะขยายตัว 3.4% ต่อปี
หุ้นกลุ่มการเงินดีดตัวขึ้นแข็งแกร่งสุด โดยหุ้นอเมริกัน เอ็กซ์เพรส ปิดพุ่ง 5.7% ส่วนหุ้นบีพีปิดบวก 7% หลังจากบริษัทยืนยันว่า การจัดการกับน้ำมันรั่วไหลในอ่าวเม็กซิโกมีความคืบหน้าขึ้นมาก
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในวันศุกร์ โดยสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) จะเปิดเผยดัชนีภาวะธุรกิจในกรุงนิวยอร์กเดือนพ.ค.