ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (28 พ.ค.) ท่ามกลางความกังวลระลอกใหม่ต่อวิกฤติเศรษฐกิจในยุโรป หลังฟิทช์ เรทติ้งส์ ปรับลดอันดับเครดิตของสเปน
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ร่วงลง 122.36 จุด หรือ 1.19% ปิดที่ 10,136.63 จุด ดัชนี S&P 500 ตกลง 13.65 จุด หรือ 1.24 % ปิดที่ 1,089.41 จุด และดัชนี Nasdaq ลดลง 20.64 จุด หรือ 0.91% ปิดที่ 2,257.04 จุด
โดยฟิทช์ได้ปรับลดอันดับเครดิตของสเปนลงมาอยู่ที่ AA+ จากระดับ AAA พร้อมทั้งระบุว่าการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจซบเซากว่าที่รัฐบาลคาดการณ์ไว้ ซึ่งการปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือครั้งนี้เป็นอีกหนึ่งสัญญาณที่ตอกย้ำให้เห็นถึงปัญหาระยะยาวที่หลายประเทศในยุโรปยังต้องเผชิญอยู่ ทำให้นักลงทุนสงวนท่าทีในการสั่งคำสั่งซื้อขาย และบางรายเลือกที่จะเทขายหุ้นออกมาปิดท้ายปลายเดือนพฤษภาคม
ทั้งนี้ ฟิทช์ได้ให้เหตุผลถึงการปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของสเปนว่าเป็นเพราะแผนควบคุมงบประมาณซึ่งอาจทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้ช้า ขณะที่วิกฤตหนี้สินในสเปนได้สร้างแรงกดดันให้รัฐบาลประกาศใช้มาตรการรัดเข็มขัดและพยายามสกัดกั้นตัวเลขขาดดุลบัญชีงบประมาณ
ด้านนักวิเคราะห์กล่าวว่า นักลงทุนต่างวิตกกังวลต่อสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในยุโรปและเลือกที่จะเทขายหุ้นออกมาก่อนถึงวันหยุดยาวในสหรัฐ
นอกจากนี้ ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กยังแกว่งตัวผันผวนในระหว่างวันตามรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่บ่งชี้ถึงภาพรวมการฟื้นตัวที่ค่อนข้างสวนทางกัน
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า รายได้ส่วนบุคคลในเดือนเม.ย.ขยับขึ้นตามคาดที่ระดับ 0.4% ซึ่งนับเป็นการขยายตัวต่อเนื่องจากที่เดินหน้าขึ้น 0.4% ในเดือนมี.ค. ขณะที่การใช้จ่ายผู้บริโภคในเดือนเม.ย.ทรงตัว หลังจากที่พุ่งติดต่อกันนาน 6 เดือน
ขณะเดียวกัน สถาบันจัดการอุปทานของสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อในเขตชิคาโก้ลดลงมาอยู่ที่ 59.7 จุดในเดือนนี้ หลังจากที่พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 5 ปีที่ 63.8 จุด ในเดือนเม.ย. ซึ่งตัวเลขที่อยู่สูงกว่าระดับ 50% บ่งชี้ถึงการขยายตัว
สำหรับผลสำรวจความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือนพ.ค.กระเตื้องขึ้นเพียงเล็กน้อยจากเดือนเม.ย. ส่วนตัวเลขคาดการณ์เงินเฟ้อในรอบ 1 ปีไต่ขึ้นแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2551