ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ได้ร่วมลงนามกับสำนักงานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กทช.)ในความร่วมมือ“โครงการส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจโทรคมนาคมไทย"เพื่อผลักดันให้บริษัทจดทะเบียน และกลุ่มผู้ประกอบการที่มีศักยภาพได้เห็นโอกาสการเติบโตของธุรกิจโทรคมนาคม และใช้ตลาดทุนเป็นแหล่งเงินทุน เพื่อสร้างความแข็งแกร่งของธุรกิจโทรคมนาคม
นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลท.เปิดเผยว่า ตลท. และ กทช.จะร่วมส่งเสริมให้ผู้ประกอบการเห็นถึงโอกาสของการเติบโตในธุรกิจโทรคมนาคม โดยสนับสนุนองค์ความรู้แก่ผู้ประกอบการและการเตรียมความพร้อมด้านระบบการจัดการและการกำกับดูแลกิจการที่ดี ตลอดจนการบริหารความเสี่ยง โดยจะมีการประชาสัมพันธ์ศักยภาพของธุรกิจโทรคมนาคมของไทย รวมทั้ง การจัดกิจกรรมที่หลากหลายเพื่อให้ความรู้และการใช้ประโยชน์จากตลาดหลักทรัพย์ฯ ในการเป็นแหล่งเงินทุน
ปัจจุบัน ตลท.มีบริษัทจดทะเบียนกว่า 500 บริษัทที่สามารถเข้าถึงแหล่งทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพและสามารถจัดหาเงินทุนเพื่อตอบสนองการขยายตัวของธุรกิจได้โดยไม่มีขีดจำกัด ดังนั้น ธุรกิจที่มีศักยภาพในการดำเนินธุรกิจโทรคมนาคม จึงสามารถระดมทุนผ่านตลท.เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจ ซึ่งจะเป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับผู้ลงทุนในตลาดทุนไทยเพิ่มมากขึ้นด้วย
ศ.ประสิทธิ์ ประพิณมงคลการ ประธาน กทช.เปิดเผยว่า กทช.ได้กำหนดแผนยุทธศาสตร์ในการพัฒนาอุตสาหกรรมด้านโทรคมนาคม เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับการเปิดเสรีด้านโทรคมนาคมของอาเซียนในปี 57 และเพื่อรองรับการพัฒนาและการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมนี้ จึงสนับสนุนการเปิดเสรีการแข่งขันในธุรกิจด้านโทรคมนาคมด้วยการสนับสนุนให้เอกชนที่มีศักยภาพและผู้ประกอบการรายใหม่ๆได้มีโอกาสเข้ามาดำเนินธุรกิจด้านโทรคมนาคมให้มากยิ่งขึ้น ซึ่งนำไปสู่การแข่งขันที่เป็นธรรม และมีประสิทธิภาพสูงสุดต่อผู้ใช้บริการ
ทั้งนี้ ธุรกิจโทรคมนาคมในประเทศไทยมีความน่าสนใจในการเข้ามาลงทุนและมีศักยภาพในการเจริญเติบโตสูง และได้รับการส่งเสริมให้เป็นกลไกหลักสำคัญในการพัฒนาประเทศมาโดยตลอด ปัจจุบันมูลค่าของกิจการโทรคมนาคมมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 10% ของ GDP ในขณะที่บริษัทในหมวดอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร(ICT)ได้รับความสนใจจากผู้ลงทุนทั้งในและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด(Market Capitalization)ประมาณ 440,000 ล้านบาท คิดเป็น 7.24% ของมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดทั้งหมด นับเป็นอันดับ 3 รองจากหมวดพลังงานและสาธารณูปโภค และหมวดธนาคาร