นายชาคริต เมธิกุลชนันทร์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ซิงเกิ้ล พอยท์ พาร์ท (ประเทศไทย)(SPPT) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 53 เกือบ 1 พันล้านบาท หรือเติบโตไม่ต่ำกว่า 30% จากปีก่อนที่มีรายได้ 785 ล้านบาท เนื่องจากความต้องการสินค้าฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟ (HDD) เพิ่มขึ้นมากในเอเชีย โดยเฉพาะ จีน อินเดีย และญี่ปุ่น ประกอบกับ บริษัทยักษ์ใหญ่ อาทิ ซีเกท หรือ เวสเทิร์น ดิจิตอล (WD)ได้เพิ่มงบลงทุนในปีนี้ เพราะมองว่าตลาดฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟมีความต้องการเพิ่มขึ้น
บริษัทคาดว่าผลประกอบการจะเติบโตต่อเนื่องทั้งปีนี้ โดยไตรมาส 2/53 จะมีรายได้กำไรและรายได้ดีกว่าในไตรมาส 1/53 ซึ่งมีรายได้ 223 ล้านบาทและกำไรสุทธิ 41.88 ล้านบาท จากนั้นในไตรมาส 3/53 คาดว่าจะเป็นไตรมาสที่ดีที่สุด ตามความต้องการสินค้าของบริษัทที่ขยายตัวต่อเนือง
ปัจจุบัน บริษัทมีออเดอร์ล่วงหน้า 3 เดือนที่ได้รับการยืนยันแล้วจำนวน 200 ล้านบาท และ อีก 3 เดือนถัดไปมีออเดอร์ประมาณ 200 ล้านบาทที่รอการยืนยัน ซึ่งข้อมูลจากสำนักวิจัยของโตเกียว ประเมินว่าตลาดฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟในปีนี้จะเพิ่มเป็น 650 ล้านชี้น/ปี จากปีก่อนอยู่ที่ 560 ล้านชิ้น/ปี และในอีก 3 ปีข้างหน้าจะเพิ่มเป็น 1 พันล้านชิ้น/ปี
นายชาคริต กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทได้เสนอคณะกรรมการบริษัทเพื่อเพิ่มงบลงทุนอีก 100 ล้านบาท จากเดิมขอไว้ 80 ล้านบาท เพื่อซื้อเครื่องจักรใหม่เข้ามาเพิ่มเติมในการผลิตฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์เป็นส่วนใหญ่ คาดว่าจะมีข้อสรุปการขยายงบลงทุนดังกล่าวในเดือนมิ.ย.นี้ ซึ่งจะทำให้บริษัทมีกำลังการผลิตเพิ่มอีก 4 ล้านชิ้นต่อเดือน
นอกจากนี้ ทางแอโรสเปซได้ติดต่อให้บริษัทผลิตชิ้นส่วน ซึ่งจะมาเจรจาอีกครั้งหลังสถานการณ์การเมืองไทยคลี่คลาย คาดว่าจะตกลงกันได้ในเดือน มิ.ย.นี้ และคาดว่ายอดขายเข้ามาในปีหน้า รวมทั้ง ยังมีออร์เดอร์เกี่ยวกับเครื่องมือแพทย์ก็จะสรุปภายในปีนี้เช่นกัน ก็จะทำให้สัดส่วนรายได้จาก Non HDD เพิ่มเป็น 40% ในปีหน้าจากปีนี้ที่มีสัดส่วน 30% ของรายได้ ซึ่งจะส่งผลให้อัตรากำไร(มาร์จิ้น)ของบริษัทดีขึ้น เพราะสินค้า Non-HDD มีมาร์จิ้นดีกว่า
บริษัทคาดว่าในปีนี้อัตรากำไรขั้นต้นจะอยู่ระดับไม่ต่ำกว่า 22% ใกล้เคียงในไตรมาส 1/53 เพราะวอลุ่มการผลิตสูงขึ้น จากปีก่อนที่มีอัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยที่ 13-14%