โบรกเกอร์ ประสานเสียงแนะ"ซื้อ"หุ้น บมจ.ฮานา ไมโครอิเล็คโทรนิคส(HANA)มองหุ้นยังมี upside จากราคาปัจจุบัน หลังเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว ส่งผลให้ธุรกิจชิ้นส่วนอิเล็คทรอนิกส์กลับมาเติบโตสูงอีกครั้ง ตามทิศทางการขยายตัวของอุตสาหกรรมสำคัญของโลก โดยเฉพาะรถยนต์ และ โทรคมนาคมกลุ่มสมาร์ทโฟน รวมถึงชิ้นส่วนอุปกรณ์การแพทย์ ขณะที่ผลกระทบปัญหาเศรษฐกิจในยุโรปไม่กระทบต่อบริษัทมากนัก
ทั้งนี้ คาดว่าผลประกอบการในปีนี้จะเติบโตต่อเนื่องและดีกว่าคาด ประเมินยอดขายรูปเงินบาทปีนี้จะเติบโตอยู่ในช่วง 12-17.6% ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ในช่วง 2,172-2,571 ล้านบาท จากคำสั่งซื้อที่เข้ามามากทั้งจากอุตสาหกรรมฟื้นตัวและคู่แข่งหลายรายหายไปจากวิกฤติเศรษฐกิจ ทำให้บริษัทเดินหน้าขยายกำลังการผลิตโรงงานในประเทศไทยทั้ง 2 แห่งที่จะเริ่มมีกำลังผลิตใหม่เพิ่มเข้ามาในช่วงไตรมาส 3/53
ขณะที่หุ้น HANA มีผลตอบแทนเงินปันผลเฉลี่ย 6% ต่อปี
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น) บล.เคจีไอ ซื้อ 28.20 บล.ทรีนีตี้ ซื้อ 31.00 บล.เอเชียพลัส ซื้อ 28.50 บล.กิมเอ็ง ซื้อ 27.40 บล.ฟิลลิป ซื้อ 28.00 บล.ซิกโก้ ซื้อ 27.00 บล.เกียรตินาคิน ซื้อเก็งกำไร 27.90
นางสาว นารี อภิเศวตกานต์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย) กล่าวว่า แม้การเติบโตของ HANA จะไม่เป็นแบบก้าวกระโดดเหมือนบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเลคทรอนิกส์รายอื่นๆ แต่บริษัทก็มีการเติบโตต่อเนื่อง ทั้งนี้การที่อัตราการเติบโตของ HANA ไม่ก้าวกระโดดนักเพราะทยอยเติบโตตั้งแต่ครึ่งปีหลังของปี 52 แล้ว
สำหรับในปีนี้ คาดว่า HANA จะมีกำไรอยู่ที่ 2,172 ล้านบาท โต 6% จากปีก่อน ขณะที่ยอดขายในรูปเงินบาทโต 12% จากปีก่อน แต่ในรูปสกุลเงินดอลลาร์เติบโต 18% นอกจากนั้น หุ้น HANA มีการปันผลระดับสูงต่อเนื่อง โดยปีนี้คาดว่าจะจ่ายปันผลจำนวน 1.45 บาทต่อหุ้น
อนึ่ง ยอดขายของ HANA ในปี 52 เท่ากับ 1.35 หมื่นล้านบาท ส่วนยอดขายในรูปสกุลดอลลาร์สหรัฐเท่ากับ 392 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่มีกำไรสุทธิ 2,042 ล้านบาท
ล่าสุดรายงานมูลค่าคำสั่งซื้อต่อยอดนำส่ง(Book-to-Bill)เดือนเม.ย. อยู่ที่ 1.13 เท่าลดลงจาก เดือนก่อนหน้าที่ 1.21 เท่า มูลค่าคำสั่งซื้อและยอดนำส่งเพิ่มขึ้น 8.1% และ 16.2% เทียบเดือนก่อนหน้า ซึ่งหากพิจารณามูลค่าคำสั่งซื้อและยอดนำส่งพบว่าเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการยืนยันการฟื้นตัว ในปีนี้บริษัทมีการลงทุนเครื่องจักรเพิ่มเติม หลังจากโรงงานที่ลำพูนและอยุธยาใช้กำลังการผลิตประมาณ 90% กำลังการผลิตใหม่คาดว่าจะเพิ่มเข้ามาในไตรมาส 3/53
น.ส.อังคณา ตั้งวิกรมไกร นักวิเคราะห์ บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) กล่าวว่า แนวโน้มผลประกอบการ HANA ดีขึ้นกว่าที่คาด ผลประกอบการปี 53 น่าจะดีกว่าปีก่อน โดยมอง Earning สูงกว่าปีก่อน 14.5% และยอดขายสูงกว่าปีก่อน 17.60% เนื่องจากเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวส่งผลต่อกำลังซื้อที่เพิ่มมากขึ้นในกลุ่มสินค้าอิเลคทรอนิกส์ รวมถึงการพัฒนามือถือในกลุ่มสมาร์ทโฟน ทำให้คำสั่งซื้อชิ้นส่วน Touchpad และ กลุ่มชิ้นส่วนอุปกรณ์การแพทย์ อีกทั้งการได้ส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นหลังจากคู่แข่งในตลาดหายไปด้วย
ทั้งนี้ บล.เคจีไอ ประเมินว่า HANA จะมีผลประกอบการดีต่อเนื่องในไตรมาส 2/53 และไตรมาส 3/53 จากเดิมที่ผู้บริหารไม่ค่อยมั่นใจเพราะการฟื้นตัวของเศรษฐกิจเร็วเกินคาดและอยู่ในระดับสูง แต่ปัจจุบันที่มีผู้ผลิต ซึ่งเป็นคู่แข่งหายไปจากผลกระทบวิกฤตเศรษฐกิจ ทำให้บริษัทได้รับคำสั่งซื้อยาวขึ้นและยอดขายสูงขึ้น
ก่อนหน้านี้ บริษัทขยายกำลังการผลิตสินค้าบางชนิดไปยังประเทศจีนหลังกำลังการผลิตที่ประเทศไทยเต็ม และปีนี้บริษัทมีแผนลงทุนจำนวน 40 ล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อซื้อที่ดินและเครื่องจักรเพิ่มเพื่อขยายกำลังการผลิต โดยโรงงานที่อยุธยาและลำพูนคาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาส 4/53 ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการเติบโตในปี 54
นอกจากนี้ ยังประเมินว่าปัญหาสหภาพยุโรปจะไม่ส่งผลกระทบต่อบริษัทมากนัก เนื่องจากประเทศสำคัญในสหภาพยุโรปที่เป็นลูกค้าของบริษัทยังคงแข็งแกร่ง ความต้องการสินค้าเทคโนโลยีไม่ลดลงมากนัก โดยความต้องการสินค้าเทคโนโลยีในตลาดยุโรปคิดเป็น 1 ใน 3 ของความต้องการในตลาดโลก
ด้านนักวิเคราะห์ บล.ทรีนีตี้ กล่าวว่า การที่ให้ราคาเป้าหมายหุ้น HANA สูงถึง 31.00 บาท เนื่องจากบริษัทได้รับผลดีจากการที่อุตสาหกรรมเซมิคอนดัคเตอร์ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และมีการปรับประมาณการของบริษัทวิจัยระดับโลกว่าจะเติบโตกว่า 30% จากเดิมที่คาดว่าจะโตประมาณ 20% โดยทั้งปีประเมินว่ายอดขายของ HANA ปีนี้จะอยู่ที่ 15,405 ล้านบาท เติบโต 14% จากปีก่อน ส่วนกำไรสุทธิน่าจะอยู่ที่ 2,571 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนถึง 26%
นอกจากนี้ จากการที่อุตสาหกรรมในตลาดโลกที่เป็นกลุ่มลูกค้าสำคัญของ HANA ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาก ทำให้บริษัทมีคำสั่งซื้อเติบโตต่อเนื่องจนต้องเลื่อนการปิดโรงงานที่กรุงเทพออกไปเป็นปี 54 จากเดิมที่คาดว่าจะปิดในปีนี้ ส่วนการขยายกำลังการผลิตที่อยุธยาและลำพูนคาดว่าจะแล้วเสร็จปลายไตรมาส 3/53 เพราะต้องรอเครื่องจักรนานขึ้นเป็น 3-6 เดือน จากเดิมที่ใช้เวลาส่งมอบเพียง 6 สัปดาห์ ซึ่งบ่งชี้ว่าอุตสาหกรรมแข็งแกร่งมากและยังคงดีต่อเนื่องอีกนาน
ส่วน นักวิเคราะห์ บล.เอเชียพลัส กล่าวว่า หุ้น HANA มีความน่าสนใจจากยอดคำสั่งซื้อผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ยังโตต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลัง มองเป็นหุ้น Top Pick โดยมีส่วนลดจากราคาปัจจุบัน 18% และยังมีการจ่ายปันผลปีละ 1 ครั้ง เฉลี่ย 6% ต่อปี โดยตลาดหลักที่มีความต้องการสูงยังเป็นแถบเอเชีย ส่วนยุโรปเป็นเพียง 10% ของยอดขายโดยรวมของ HANA โดยบริษัทได้ประโยชน์ทั้งจากกลุ่มคอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน และอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ได้ประโยชน์จากเซ็นเซอร์รถยนต์
บล.เอเชียพลัส ยังมีมุมมองเชิงบวกต่อหุ้น HANA เพราะผลประกอบการไตรมาส 2/53 ยังดีต่อเนื่องจากไตรมาส1/53 รวมทั้งไตรมาส 3/53 เพราะเป็นช่วงไฮซีซั่นของกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็คทรอนิกส์ โดยบริษัทที่เกี่ยวข้องกับชิ้นส่วนอิเล็คทรอนิกส์ทั่วโลกต่างฟื้นตัว และมีการเก็บสต็อกสินค้าเพิ่มขึ้น ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ดีในอุตสาหกรรมนี้ทั่วโลก