นายสุรงค์ บูลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไทยออยล์(TOP) คาดว่าในช่วงไตรมาส 2/53 บริษัทจะมีขาดทุนสต็อกน้ำมัน เนื่องจากราคาน้ำมันปรับตัวลดลงค่อนข้างมาก แต่เชื่อว่าผลขาดทุนจะไม่เกิน 5 เหรียญ/บาร์เรล และยังเชื่อว่าราคาน้ำมันเฉลี่ยทั้งปียังอยู่ในระดับที่คาดการณ์ 80-85 เหรียญ/บาร์เรล
ในทางกลับกันค่าการกลั่น(GRM)ของบริษัทปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ 6 เหรียญ/บาร์เรลในช่วงเดือน เม.ย.-พ.ค.53 จากไตรมาสแรกอยู่ที่ 5 เหรียญ/บาร์เรล
อย่างไรก็ตาม บริษัทได้ทำประกันความเสี่ยงราคาน้ำมันไว้ที่ 25% ของกำลังการผลิตทั้งหมด
ส่วนสเปรดของพาราไซลีนช่วงไตรมาส 2/53 จะอยู่ที่ 250-300 เหรียญ/ตัน จากไตรมาสแรกอยู่ที่ 286 เหรียญ/ตัน เพราะมีซัพพลายใหม่จากตะวันออกกลางเข้ามาในช่วงไตรมาส 4/52 คาดว่าสเปรดพาราไซลีนจะฟื้นตัวในช่วงครึ่งปีหลัง เนื่องจากจะไม่มีซัพพลายใหม่เข้ามาเพิ่มเติม และความต้องการของจีนยังดีต่อเนื่องตามภาวะเศรษฐกิจที่เติบโตสูง
นายสุรงค์ คาดว่า กำไรสุทธิในไตรมาส 2/53 จะต่ำกว่าในไตรมาส 1/53 ที่มีกำไรสุทธิ 2,006 ล้านบาท ซึ่งมีกำไรจากสต็อกน้ำมัน และต่ำกว่าไตรมาส 2/52 ที่มีกำไรสุทธิ 3,842 ล้านบาท
"ไตรมาส 2 เรามีกำไรอยู่แล้ว แม้ว่าจะมี Stock Loss แต่กำไรจะต่ำกว่าไตรมาส 1 ที่ผ่านมา แต่ไตรมาส 2 นี้ GRM ดีขึ้นราว 6 -6.5 เหรียญ/บาร์เรล ..วันนี้ราคาน้ำมันน่าจะ Recover แล้ว 60 กว่าเหรียญอยู่ไม่ได้ ผมเชื่อว่าราคาน้ำมันจะปรับขึ้นมาอยูที่ 80-85 เหรียญ/บาร์เรล" นายสุรงค์ กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทมีปริมาณสต็อกน้ำมันอยู่จำนวน 6 ล้านบาร์เรล
ส่วนการเข้าร่วมทุน 50% ในบริษัท ทรัพย์ทิพย์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้ผลิตเอทานอลรายใหญ่ในประเทศมีกำลังการผลิต 2 แสนลิตร/วัน คาดว่าภายในปีนี้จะรับรู้รายได้ประมาณกว่า 100 ล้านบาท
ด้านนายวิรัตน์ เอื้อนฤมิต ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการด้านการเงิน TOP มองว่า ราคาน้ำมันในครึ่งปีหลังน่าจะรีบาวน์กลับมาได้ และคาดการณ์กันว่าจะมีพายุเฮอร์ริเคนเข้ามามาก จากที่คาดว่าในไตรมาส 2/53 จะมีราคาน้ำมัน(ดูไบ) เฉลี่ยที่ 74 เหรียญ/บาร์เรล และคาดว่าในครึ่งปีหลังแนวโน้มราคาน้ำมันอากาศยานและ ดีเซลจะปรับตัวดีขึ้น ซึ่งจะส่งดีกับบริษัทที่มีการผลิตน้ำมัน 2 ชนิดอยู่จำนวนมาก หรือประมาณ 65% ของกำลังการผลิต
ในปีนี้บริษัทมีการใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ 95% จากปีก่อนที่เดินเครื่องเด็ม 100% ส่งผลต่อรายได้บ้าง และในไตรมาส 2/53 และไตรมาส 3/53 บริษัทมีแผนปิดซ่อมบำรุงหน่วยผลิตด้วย