บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศคงอันดับองค์กรและหุ้นกู้ไม่มีประกันของ บมจ. แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LH) ที่ระดับ “A" พร้อมทั้งยังเปลี่ยนแนวโน้มอันดับเครดิตเป็น “Stable" หรือ “คงที่" จาก “Negative" หรือ “ลบ"
อันดับเครดิตสะท้อนถึงแบรนด์ของบริษัทซึ่งเป็นที่รู้จักเป็นอย่างดี ตลอดจนผลงานที่ยาวนาน และความเป็นผู้นำในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ การพิจารณาอันดับเครดิตยังคำนึงถึงความยืดหยุ่นทางการเงินและระดับของการผสานประโยชน์จากการลงทุนเชิงกลยุทธ์ในบริษัทร่วมซึ่งทำให้บริษัทเป็นผู้ประกอบการชั้นนำและครบวงจรมากที่สุดในธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัย
อย่างไรก็ตาม จุดแข็งดังกล่าวลดทอนลงบางส่วนจากสถานการณ์การเมืองภายในประเทศที่ไม่แน่นอน ตลอดจนลักษณะของธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นวงจรขึ้นลง การแข่งขันในการซื้อที่ดินที่ทวีความรุนแรง และภาระหนี้ของบริษัทที่คาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้น
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable" หรือ “คงที่" สะท้อนถึงผลประกอบการในช่วงที่ผ่านมาของบริษัทซึ่งปรับตัวดีขึ้นเกินคาด นอกจากนี้ ยังสะท้อนถึงแนวโน้มของตลาดที่อยู่อาศัยซึ่งเป็นไปในทางที่ดีขึ้นกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยคาดว่าบริษัทน่าจะสามารถดำรงความเป็นผู้นำที่แข็งแกร่งในตลาดพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ รวมทั้งรักษาอัตราการเติบโตและสภาพคล่องในระดับที่น่าพอใจเอาไว้ได้
แต่หากการเพิ่มขึ้นของภาระหนี้สำหรับโครงการที่อยู่อาศัยและศูนย์การค้า “Terminal 21" อยู่ในระดับที่มีนัยสำคัญและส่งผลให้อัตราส่วนหนี้สินของบริษัทอยู่ในระดับสูงนานกว่าประมาณการ อันดับเครดิตของบริษัทก็อาจถูกปรับลดลงจากระดับปัจจุบันได้
ทริสเรทติ้ง คาดว่า ภาระหนี้ของ LH จะเพิ่มขึ้นพอสมควรและจะคงอยู่ในระดับดังกล่าวต่อไปในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า เนื่องจากมีการกู้ยืมเงินเพื่อใช้ในโครงการ “Terminal 21" อย่างไรก็ตาม ด้วยมูลค่าของโครงการดังกล่าวที่สูงถึง 6,000 ล้านบาท คาดว่าบริษัทจะใช้กระแสเงินสดจากการดำเนินงานเป็นทุนบางส่วนในการดำเนินโครงการ
และจากงบดุลของบริษัทไม่เพียงพอที่จะรองรับระดับเงินกู้ยืมที่อาจเพิ่มขึ้นเพื่อใช้จ่ายทั้งโครงการ โดยเฉพาะโครงการระยะยาวเช่นนี้ การใช้เงินกู้ยืมที่มากจนเกินไปจะทำให้อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทอยู่ในระดับสูงเป็นเวลายาวนานเกินไปอันอาจจะลดทอนความยืดหยุ่นทางการเงินของบริษัทที่จำเป็นต้องใช้ในช่วงวงจรขาลงหรืออาจจำกัดความสามารถในการขยายตลาดได้ โดยทริสเรทติ้งมองว่าสภาพความยืดหยุ่นทางการเงินที่ลดลงดังกล่าวจะไม่สอดคล้องกับอันดับเครดิตที่บริษัทได้รับอยู่ในปัจจุบัน
ภาวะตลาดที่อยู่อาศัยในปีที่ผ่านมาค่อนข้างผันผวนซึ่งเป็นผลมาจากความไม่มีเสถียรภาพของการเมืองภายในประเทศและวิกฤติการณ์ทางการเงินทั่วโลก แม้ตลาดจะเริ่มฟื้นตัวในช่วงครึ่งหลังของปี 52 แต่ก็ยังถือว่าชะลอตัวอยู่และถูกครอบงำโดยผู้ประกอบการรายใหญ่มากยิ่งขึ้น หลังจากมีผลประกอบการเป็นที่น่าพอใจในปี 2552 ผู้ประกอบการรายใหญ่ส่วนใหญ่จึงวางแผนขยายธุรกิจเชิงรุกในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า การซื้อที่ดินในทำเลดีจึงมีแนวโน้มที่จะมีต้นทุนสูงขึ้น
ในขณะที่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้านภาษีของรัฐบาลซึ่งส่วนใหญ่จะสิ้นสุดในปี 53 ทำให้ความต้องการที่อยู่อาศัยในปี 53 ขึ้นอยู่กับความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก โดยทริสเรทติ้งคาดว่าความต้องการที่อยู่อาศัยในปี 53 จะค่อยๆ ฟื้นตัวตามการเติบโตของเศรษฐกิจภายในประเทศ