(เพิ่มเติม) HEMRAJ เล็งเพิ่มเป้ายอดขายที่ดินปีนี้ รอประเมินพิษการเมืองช่วง Q3/53

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday June 1, 2010 16:23 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.เหมราชพัฒนาที่ดิน(HEMRAJ)ระบุว่า บริษัทจะมีการประเมินผลกระทบจากสถานการณ์ทางการเมืองในช่วง 2-3 เดือนนี้ โดยอาจจะมีการทบทวนเป้าหมายยอดขายที่ดินในปีนี้ให้เพิ่มขึ้นจาก 1,000 ไร่ หากพบว่าผลกระทบมีไม่มาก ก็เชื่อว่าลูกค้าที่ชะลอดูเหตุการณ์ก็จะกลับเข้ามา เพราะขณะนี้ก็ยังไม่ได้มีการยกเลิกการเจรจา รวมทั้ง กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ขยายตัวดีได้กว่าที่คาด

ส่วนในช่วงไตรมาส 2/53 ยอดขายที่ดินคงปรับลดลงจากไตรมาสแรกที่มียอดขาย 565 ไร่ แต่รายได้น่าจะใกล้เคียงกันที่ 1,240 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทมีรายได้จากบริการสาธารณูปโภคเพิ่มขึ้นเข้ามาเสริม

นายเผ่าพิทยา สมุทรกลิน ผู้อำนวยการนักลงทุนสัมพันธ์และวางแผน HEMRAJ กล่าวว่า ยอดขายที่ดินนิคมอุตสาหกรรมจะมีทิศทางที่ดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง หลังจากการเมืองมีทิศทางคลี่คลาย ล่าสุด บริษัทได้เซ็นสัญญาขายที่ดินไปอีก 1 ราย และมีลูกค้าทยอยรอเซ็นสัญญาอีก จึงมองว่ายอดขายที่ดินในปีนี้น่าจะเป็นไปตามที่ประเมินไว้ และมีโอกาสเพิ่มขึ้นด้วย

"ยอมรับว่ายอดขายที่ดินในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาลดลงจากผลกระทบปัญหาการเมือง ทำให้ลูกค้าบางรายยังไม่กล้าเดินทางมา แต่ก็ไม่ได้หายไป เพราะตอนนี้เริ่มเห็นสัญญาณการกลับมาของลูกค้า โดยเฉพาะธุรกิจยานยนต์ และผมก็มองว่าการเมืองจะเป็นผลกระทบในช่วงสั้นเท่านั้น แต่ในระยะยาวเมืองไทยยังเป็นตลาดที่น่าสนใจ ทั้งพื้นฐานที่แข็งแกร่ง แต่ก็อยากฝากที่การทำงานของภาครัฐบาลด้วยว่าควรจะมีความต่อเนื่อง"นายเผ่าพิทยา กล่าว

ปัจจุบัน บริษัทมีสัดส่วนลูกค้านิคมอุตสาหกรรมเป็น นักลงทุนญี่ปุ่น 30% ไทย 20% ยุโรป 13% และ สหรัฐ 11%

สำหรับรายได้ด้านสาธารณูปโภคเริ่มปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในอนาคต ซึ่งในปีนี้คาดว่าจะเติบโต 20% จากราว 700 ล้านบาทในปีก่อน และจะเพิ่มขึ้นแตะ 1.5 พันล้านบาทในปี 57 โดยเฉพาะปริมาณการใช้น้ำในโรงงานที่ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมของบริษัท รวมทั้งโรงงานอุตสาหกรรมปิโตรเคมีที่จะมีการขยายโรงงาน

นอกจากนั้น บริษัทยังได้ลงทุนในโรงไฟฟ้าเก็คโค่วันที่จะเริ่มมีรายได้เข้ามาในปี 55

นายเผ่าพิทยา กล่าวอีกว่า บริษัทยังมีแผนจะเพิ่มราไยด้จากโครงการอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มเห็นการลงทุนอีกครั้งในไตรมาส 3/53 จะส่งผลให้สัดส่วนรายได้ของบริษัทมีความสมดุลมากขึ้น และเป็นไปตามแผนงานที่จะลดสัดส่วนรายได้จากการขายที่ดิน โดยในปีนี้คาดว่ารายได้จากยอดขายที่ดินจะมีสัดส่วน 50-55% อีก 20% เป็นรายได้จากบริการสาธารณูปโภค และที่เหลือเป็นอสังหาริมทรัพย์และรายได้อื่น ๆ

ส่วนเงินลงทุนในปีนี้ที่ตั้งไว้ 2.7 พันล้านบาท ซึ่งสูงกว่าปีก่อน ส่วนใหญ่จะเป็นใช้ลงทุนในโรงไฟฟ้า 1.3 พันล้านบาท พัฒนานิคมอุตสาหกรรม 700 ล้านบาท และสร้างโรงงานสำเร็จรูป 200 ล้านบาท ที่เหลือเป็นการลงทุนอื่น ๆ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ