ฟิทช์ให้อันดับเครดิตหุ้นกู้ด้อยสิทธิของ KBANK ที่ AA-(tha)

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday June 1, 2010 16:54 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศให้อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวที่ระดับ ‘AA-(tha)’ แก่หุ้นกู้ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน ของธนาคารกสิกรไทย (KBANK: ‘AA(tha)’/‘F1+(tha)’/Stable) จำนวนรวมไม่เกิน 7.5 พันล้านบาท โดยหุ้นกู้ด้อยสิทธิดังกล่าวมีอายุ 10 ปี และสามารถไถ่ถอนก่อนกำหนดได้

อันดับเครดิตของ KBANK สะท้อนถึงความแข็งแกร่งในด้านคุณภาพของสินทรัพย์และฐานะเงินกองทุนของธนาคาร รวมทั้งเครือข่ายการดำเนินงานและบริการภายในประเทศที่แข็งแกร่งในกลุ่มลูกค้าภาคธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ภาคธุรกิจขนาดใหญ่และกลุ่มลูกค้าบุคคลของธนาคาร ผลการดำเนินงานและคุณภาพสินทรัพย์ในปี 2553 ของ KBANK อาจปรับตัวลดลง เนื่องจากการเติบโตของเศรษฐกิจไทยได้รับผลกระทบจากความไม่สงบทางการเมือง อย่างไรก็ดี อัตรากำไรที่ยังคงอยู่ในระดับสูงและฐานะเงินกองทุนที่แข็งแกร่งของธนาคาร น่าจะสามารถช่วยรองรับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นได้

ผลการดำเนินงานในปี 2552 ของ KBANK ยังคงอยู่ในระดับที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง แม้ว่าเศรษฐกิจของประเทศไทยจะหดตัวลงอย่างมาก ธนาคารมีกำไรสุทธิลดลงเล็กน้อยเป็น 14.9 พันล้านบาท และมีอัตราส่วนกำไรสุทธิต่อสินทรัพย์รวมที่ 1.2% (ปี 2551 มีกำไรสุทธิ 15.3 พันล้านบาท และมีอัตราส่วนกำไรสุทธิต่อสินทรัพย์รวมที่ 1.4%) ในขณะที่กำไรก่อนหักค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญของ KBANK ในปี 2552 อยู่ในระดับใกล้เคียงกับปีก่อนที่ 30.5 พันล้านบาท แต่ธนาคารมีค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มขึ้นเป็น 9.4 พันล้านบาท หรือ 1.1% ของสินเชื่อ (ปี 2551 มีค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ 7.8 พันล้านบาท หรือ 0.9% ของสินเชื่อ) เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ สำหรับไตรมาสที่ 1 ปี 2553 สินเชื่อของธนาคารเติบโตเพิ่มขึ้นอีก 8.2% (อัตราเฉลี่ยทั้งปี) อัตรากำไรส่วนต่างดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ของ KBANK ลดลงเป็น 3.7% ในปี 2552 จาก 4.1% ในปี 2551 เนื่องจากการเพิ่มขึ้นอย่างมากของเงินลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลและรัฐวิสาหกิจที่มีผลตอบแทนต่ำ และแนวโน้มของอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง

สำหรับไตรมาสที่ 1 ปี 2553 KBANK ประกาศผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งขึ้น โดยธนาคารมีกำไรสุทธิ 4.7 พันล้านบาท (ก่อนส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อย) และมีอัตราส่วนกำไรสุทธิต่อสินทรัพย์รวมที่ 1.4% (ไตรมาสที่ 1 ปี 2552 มีกำไรสุทธิ 3.8 พันล้านบาท และมีอัตราส่วนกำไรสุทธิต่อสินทรัพย์รวมที่ 1.2%) โดยส่วนใหญ่เป็นผลมาจากต้นทุนทางการเงินและการตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญที่ลดลง อัตรากำไรส่วนต่างดอกเบี้ยสุทธิของธนาคารทรงตัวอยู่ในระดับใกล้เคียงกับระดับเดิมที่ 3.8% ในไตรมาสที่ 1 ปี 2553

สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของ KBANK เพิ่มขึ้นเป็น 37.3 พันล้านบาท หรือ 4.0% ของสินเชื่อ ณ สิ้นปี 2552 (ปี 2551 มีสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ 33.9 พันล้านบาท หรือ 3.7% ของสินเชื่อ) โดยส่วนใหญ่เป็นผลมาจากสภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแอลงในช่วงปี 2552 ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2553 สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของธนาคารลดลงเล็กน้อยเป็น 36.7 พันล้านบาท หรือ 3.8% ของสินเชื่อ อย่างไรก็ตามธนาคารยังคงมีความเสี่ยงในเรื่องของคุณภาพสินทรัพย์ที่อาจปรับตัวแย่ลง เนื่องจากระยะเวลาในการเกิดผลกระทบต่อคุณภาพสินทรัพย์และสภาพเศรษฐกิจที่ยังคงอ่อนแอ ระดับการกันสำรองหนี้สูญของ KBANK ที่ 96.1% ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2553 ยังคงอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งเมื่อเทียบกับธนาคารพาณิชย์ไทยรายอื่น การระดมเงินทุนและสภาพคล่องของ KBANK ได้รับการสนับสนุนจากฐานเงินฝากที่แข็งแกร่ง อัตราส่วนเงินกองทุนของธนาคารยังคงอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง โดยมีอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 และเงินกองทุนรวมอยู่ที่ 10.1% และ 15% ของสินทรัพย์เสี่ยง ณ สิ้น มีนาคม 2553


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ