ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กแรงขายหุ้นพลังงาน ฉุดดาวโจนส์ปิดร่วง 112.61 จุด

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday June 2, 2010 06:35 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (1 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนกระหน่ำขายหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากรัฐบาลสหรัฐประกาศว่าจะดำเนินการสอบสวนทางอาญาในกรณีน้ำมันรั่วไหลในอ่าวเม็กซิโก ซึ่งถือเป็นหายนะครั้งใหญ่ของสหรัฐ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวสถานะทางเศรษฐกิจและการเงินในยุโรป โดยล่าสุดมีรายงานว่าอัตราว่างงานในกลุ่มยูโรโซนพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในเดือนเม.ย.

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ร่วงลง 112.61 จุด หรือ 1.11% ปิดที่ 10,024.02 จุด ดัชนี S&P 500 รูดลง 18.70 จุด หรือ 1.72% ปิดที่ 1,070.71 จุด และดัชนี Nasdaq ลดลง 34.71 จุด หรือ 1.54% ปิดที่ 2,222.33 จุด

ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 9.39 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 2,403 ต่อ 642 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 9.65 พันล้านหุ้น

ดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลงกว่า 100 จุด หลังจากบริษัทบีพี ยอมรับว่าความพยายามครั้งล่าสุดในการหยุดการรั่วไหลของน้ำมันประสบความล้มเหลว รวมถึงวิธีการทำ “top kill" หรือการอัดโคลนหนักลงไปในบ่อน้ำมันเพื่อป้องกันการรั่วไหล สถานการณ์ดังกล่าวสร้างความไม่พอใจให้กับรัฐบาลสหรัฐ และทำให้รัฐบาลประกาศว่าจะดำเนินการสอบสวนทางอาญาในกรณีนี้ด้วย

รายงานล่าสุดระบุว่า บริษัทบีพีได้ส่งหุ่นยนต์ใต้น้ำลงไปซ่อมแซมท่อน้ำมันที่เกิดการรั่วไหลอย่างเร็วสุด ซึ่งถือเป็นความพยายามครั้งล่าสุดในการยุติการรั่วไหลของน้ำมันครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐ ขณะที่นายสตีเวน ชู รัฐมนตรีพลังงาน และ เคน ซาลาซาร์ รัฐมนตรีมหาดไทย อนุญาตให้บีพีใช้วิธีล่าสุดด้วยการตัดท่อส่วนที่ได้รับความเสียหายและต่อท่ออีกอันเข้ากับรอยรั่วเพื่อให้น้ำมันลอยขึ้นไปเหนือผิวน้ำและให้เรือทำการดักจับน้ำมันต่อไป

นายดั๊ก ซัทเทิลส์ ผู้บริหารของบีพี กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า การพยายามอัดโคลนลงไปในบ่อ 3 ครั้ง รวมถึงการพยายามใช้วัสดุแข็งอุดรอยรั่ว 16 ครั้งก็ไม่สามารถหยุดการรั่วไหลของน้ำมันได้ ทำให้ทางบริษัทตัดสินใจส่งหุ่นยนต์ดำน้ำลงไปซ่อมแซมท่อน้ำมันที่ได้รับความเสียหาย โดยวีธีนี้ต้องใช้เวลา 4 วันในการติดตั้งและเตรียมการ

ทั้งนี้ หุ้นบีพีร่วงลงเกือบ 15% หุ้นอนาดาร์โค ปิโตรเลียม คอร์ป ดิ่งลงเกือบ 20% และหุ้นฮัลลิเบอร์ตัน อิงค์ ปิดร่วงเกือบ 15%

ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังคงถูกปกคลุมด้วยความกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพทางเศรษฐกิจในยุโรป โดยเมื่อวานนี้สำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป (ยูโรสแตท) รายงานว่า อัตราว่างงานใน 16 ประเทศที่ใช้เงินสกุลยูโร หรือยูโรโซน ปรับตัวสูงขึ้นแตะ 10.1% ในเดือนเม.ย. ซึ่งถือเป็นสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ หรือนับตั้งแต่ปี 2541

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบหลังจากสำนักงานจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคการผลิตเดือนพ.ค.เคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 59.7 จุด ลดลงเมื่อเทียบกับเดือนเม.ย.ที่ระดับ 60.4 จุด

กระทรวงแรงงานสหรัฐมีกำหนดจะเปิดเผยข้อมูลจ้างงานในวันศุกร์ที่ 4 มิ.ย.นี้ โดยนักเศรษฐศาสตร์หลายคนคาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานเดือนพ.ค.จะเพิ่มขึ้นราว 508,000 อัตรา ซึ่งจะเป็นสถิติที่เพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2540 เพราะได้รับแรงหนุนจากการที่ภาครัฐจ้างพนักงานจำนวนมากเพื่อทำการสำรวจจำนวนประชากรครั้งใหญ่ที่จัดขึ้นทุก 10 ปีในปีนี้ ขณะที่ภาคเอกชนน่าจะมีการจ้างพนักงานเพิ่มขึ้นราว 180,000 อัตรา


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ