นายเจริญ จันทร์พลังศรี ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บมจ.ไทยโพลีคอนส์(TPOLY)เปิดเผยว่า สถานการณ์การเมืองในประเทศในช่วงที่ผ่านมาไม่มีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในระยะเวลาสั้น ๆ ทางกลับกันเชื่อว่าหลังจากที่ความรุนแรงทางการเมืองผ่านพ้นไปแล้ว รัฐบาลจะเร่งเดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจอีกครั้ง อาจส่งผลต่อเนื่องให้มีงานใหม่ๆ เข้าสู่ตลาดเพิ่มขึ้น ซึ่งน่าจะส่งผลดีต่อธุรกิจเพิ่มขึ้นด้วย
ดังนั้น เป้าหมายรายได้ที่บริษัทฯ คาดว่าจะทำได้ประมาณ 2,000 ล้านบาท ในปีนี้จึงไม่น่าจะมีปัญหา
นายเจริญ กล่าวว่า ตลาดก่อสร้างหลักของบริษัทอยู่ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นหลัก และปัจจุบันในพื้นที่ดังกล่าวมีงานเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ลูกค้าซึ่งอยู่ในภูมิภาคอื่นๆ ยังมีแผนขยายงานตามโครงการที่วางไว้ จึงทำให้ธุรกิจของบริษัทฯ มีแนวโน้มการเติบโตในทิศทางที่ดี
ทั้งนี้ เห็นได้จากจำนวนงานในมือที่รอรับรู้เป็นรายได้(Backlog)เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน โดย ณ สิ้นไตรมาส 1/53 มี Backlog ที่เป็นยอดงานก่อสร้างในมือคงเหลือประมาณ 1,842 ล้านบาท และยอดงานที่ประมูลได้อยู่ระหว่างรอเซ็นสัญญาจำนวน 4 โครงการ มูลค่า 1,669 ล้านบาท รวมเป็น Backlog กว่า 3,500 ล้านบาท ทยอยรับรู้เป็นรายได้ไปจนถึงปี 54
ปัจจุบัน backlog แบ่งเป็นสัดส่วนงานราชการ 46% เอกชน 54% แบ่งกลุ่มงานก่อสร้าง 6 ประเภทดังนี้ งานก่อสร้างอาคารสูงเพื่อที่พักอาศัยและศูนย์การค้า 34%, งานก่อสร้างอาคารสำนักงานขนาดใหญ่ 6%, งานก่อสร้างคลังสินค้าโรงงานอุตสาหกรรมและโรงผลิตไฟฟ้า 5%, งานก่อสร้างงานปรับปรุงอาคารทั้งภายในและภายนอก 9%, งานก่อสร้างอาคารเรียน 20% และงานก่อสร้างโรงพยาบาล 26% ซึ่งเป็นงานทางภาคใต้ 33% และภาคอื่นๆ 67%
นายเจริญ กล่าวว่า ในครึ่งปีหลังนี้นอกจากจะเดินหน้าขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องแล้ว ยังให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการภายในอย่างมีประสิทธิภาพต่อเนื่องจากเมื่อต้นปีที่ผ่านมาด้วย เพื่อลดต้นทุนที่ไม่จำเป็นลงและเพิ่มศักยภาพในการทำงานให้สูงขึ้น เพื่อให้บริษัทฯเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว ซึ่งการบริหารจัดการดังกล่าวทำให้ผลประกอบการของบริษัทฯ ปรับตัวดีขึ้นอย่างชัดเจนตั้งแต่ไตรมาสที่ 1/53 ที่ผ่านมา
"จากการบริหารจัดการที่ดีขึ้นเรื่อยๆ คาดว่าจะสนับสนุนให้ Net Profit Magin ในปีนี้จะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 4.5% และในอนาคตคาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 6% ส่วน Gross Profit Magin คาดว่าในปีนี้จะอยู่ที่ 12% เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ 11% ซึ่งถือว่าเป็นแนวโน้มที่ดี ที่จะสะท้อนให้ผลประกอบการในปีนี้ดีขึ้นในทิศทางเดียวกันด้วย"นายเจริญ กล่าวในที่สุด