JUBILE คงเป้ารายได้ปีนี้โต 20% หลังปรับกลยุทธรับมือผลกระทบการเมืองวุ่น

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday June 2, 2010 13:32 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางสาวอัญรัตน์ พรประกฤต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บมจ. ยูบิลลี่ เอ็นเตอร์ไพรส์ (JUBILE)ยอมรับว่า ความวุ่นวายทางการเมืองช่วงที่ผ่านมาส่งผลต่อยอดขายของบริษัทในเดือน พ.ค.53 ลดลง 10% แต่เชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อการทำรายได้ของบริษัทในปีนี้ที่ตั้งเป้าเติบโต 20% จากปีก่อนที่มีรายได้ 500 ล้านบาท เนื่องจากฐานรายได้ส่วนใหญ่มาจากลูกค้าในต่างจังหวัด ซึ่งมีสัดส่วน 60% ส่วนรายได้กรุงเทพอยู่ที่ 40%

บริษัทเชื่อว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะส่งผลผลกระทบระยะสั้นเท่านั้น โดยจะทำให้ยอดขายโดยรวมช่วง 2 เดือนแรกของไตรมาส 2/53 (เม.ย.-พ.ค.) อาจลดลงเล็กน้อย หรือใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อน พร้อมกันนั้น บริษัทมีการปรับกลยุทธกระตุ้นความเชื่อมั่นผู้บริโภค ด้วยการเน้นขายสินค้าที่มีราคาลดลง เหลือเฉลี่ย 10,000 บาท/ชิ้น รวมถึงให้มีการผ่อนชำระเป็นงวดได้ ซึ่งทำให้ยอดขายสินค้าเพิ่มขึ้น 30% จากเดิมที่มียอดขาย 300-400 ชิ้น/เดือน

และบริษัทยังได้มีการเพิ่มการจัดกิจกรรมทางการขายและจัดโปรโมชั่นต่างๆ เพื่อเพิ่มยอดขายมากขึ้นอีกด้วย

"เรามองว่าผลกระทบที่เกิดขึ้นช่วงเกิดเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมือง เป็นเพียงช่วงระยะสั้นๆเท่านั้น และในเดือน มิ.ย.นี้ ก็เริ่มกลับมาเป็นปกติแล้ว ซึ่งการที่เราปรับกลยุทธถือว่าเป็นการรองรับสิ่งที่เกิดขึ้นได้ดีพอสมควร ซึ่งการชุมนุมยอมรับว่าทำให้สาขาที่มีอยู่ เช่นที่พารากอน เซ็นทรัลชิดลม ได้รับผลกระทบ ซึ่งได้มีการปรับมาขายที่เอ็มโพเรียมแทน ก็มีการตอบรับที่ดีจากลูกค้า"นางสาวอัญญรัตน์ กล่าว

นอกจากนั้น บริษัทยังมีแผนเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดในปีนี้เป็น 11% จากปีก่อนอยู่ที่ 9% เนื่องจากมีการขยายสาขาเพิ่ม และมีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ มากขึ้น โดยเดินหน้าเพิ่มจำนวนสาขาเป็น 80 แห่ง จากปัจจุบันมี 76 แห่ง เน้นการเปิดสาขาในต่างจังหวัด เนื่องจากในกรุงเทพฯ ค่อนข้างจำกัดแล้ว รวมทั้งมีแผนขยายตลาดส่งออกใน 3-5 ปีข้างหน้า เพื่อเพิ่มความหลากหลายของลูกค้า เน้นตลาดในภูมิภาคเอเซีย ซึ่งจะร่วมมือกับพันธมิตรต่างประเทศในการหาช่องทางตลาด

นางสาวอัญญรัตน์ กล่าวอีกว่า บริษัทคาดว่าจะสามารถรักษาอัตรากำไรขั้นต้นในปีนี้ให้อยู่ระดับใกล้เคียงปีก่อนที่ 40% ส่วนอัตรากำไรสุทธิปีนี้ คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ 11-12% จากปีก่อนอยู่ที่ 10% เนื่องจากได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีจากการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ขณะเดียวกันบริษัทยังสามารถบริหารจัดการต้นทุนได้ดีขึ้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ