นายวิโนด สูเรคา ประธานเจ้าหน้าที่บริการด้านการเงิน บมจ.โพลีเพล็กซ์ (ประเทศไทย)(PTL) คาดว่ารายได้รวมของบริษัทในงวดปี 53/54 สิ้นสุดเดือน มี.ค.54 จะเติบโตราว 10% จากที่มีรายได้ 7.1 พันล้านบาทในงวดปี 52/53
เนื่องจากบริษัทได้ออกผลิตภัณฑ์ใหม่เป็นแผ่นฟิล์ม CPP มาเริ่มแนะนำให้กับลูกค้าเมื่อเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา และจะทำตลาดเต็มที่ในช่วงครึ่งปีหลัง โดยเริ่มจากผลิตที่ 50% ของกำลังการผลิตทั้งหมด และภายในสิ้นปีนี้จะเพิ่มเป็น 60-65% และราคาสินค้าเฉลี่ยรูปดอลลาร์ในปีนี้จะเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งหากอัตราแลกเปลี่ยนผันผวนอาจมีผลกระทบในส่วนนี้ได้ โดยบริษัทได้ทำประกันความเสี่ยงเป็นระยะอยู่แล้ว
ประกอบกับ ความต้องการสินค้าแผ่นฟิล์มในตลาดโลกคาดว่าจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 8% ในปีนี้
บริษัทยังคงเดินเครื่องผลิตสินค้าภายใต้กำลังการผลิตเดิม โดยการผลิตแผ่นฟิล์มธรรมดามีอัตราการใช้กำลังผลิตอยู่ที่ 97% และ แผ่นฟิล์มเคลือบโลหะอยู่ที่ 75% ทั้งโรงงานในไทยและตรุกี ซึ่งยังมีช่องที่สามารถเพิ่มการผลิตได้อีก นอกจากนั้น ยังมีกำลังผลิตสินค้าใหม่คือ CCP ด้วย
ขณะนี้ บริษัทอยู่ระหว่างการติดตั้งเครื่องจักรและงานวิศวกรรมเพื่อเพิ่มสายการผลิตใหม่ในโรงงานในประเทศไทย ซึ่งเป็นการผลิตแผ่นพลาสติกเคลือบซิลิโคน(Silicone Coating)400-600 ล้าน ตร.ม./ปี ใช้เงินลงทุนประมาณ 22 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คาดว่าจะเริ่มผลิตได้ในช่วงเดือน เม.ย.-ก.ย.54 โดยมีเป้าหมายตลาดหลักคือ สหรัฐ ยุโรป และเอเชียบางส่วน ปัจจุบันบริษัทได้กู้เงินมาใช้ในการลงทุนแล้ว 16 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
นายวิโนด กล่าวว่า เมื่อมีสายการผลิตใหม่ในปีหน้าแล้ว เชื่อว่าภายใน 2-3 ปีข้างหน้า สินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มจะมีสัดส่วนสูงขึ้นเป็น 45% แผ่นฟิล์มธรรมดา 55% จากปัจจุบันแผ่นฟิล์มธรรมดาทำรายได้หลักอยู่ที่ 62%
สำหรับโรงงานในต่างประเทศนั้น ขณะนี้ภาวะวิกฤติที่เกิดขึ้นในยุโรปในรอบนี้ยังไม่ส่งผลกระทบถึงโรงงานในประเทศตุรกี เนื่องจากคำสั่งซื้อยังคงเป็นปกติ จึงไม่มีแผนลดกำลังการผลิตที่มีอยู่ 5.8 หมื่นตัน/ปี แต่ก็ยอมรับว่าเป็นห่วงการอ่อนค่าของเงินยูโรที่อาจส่งผลกระทบบ้างในด้านรายได้ อย่างไรก็ตาม อีกทางหนึ่งบริษัทก็มีเงินกู้สกุลยูโรด้วย ก็จะได้เป็นด้านที่ได้รับประโยชน์