โบรกฯเชียร์"ซื้อ"STEC มองปี 54 กำไรโตสูงหลังคว้างานรถไฟฟ้าดัน Backlog

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday June 4, 2010 14:43 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์ เห็นพ้องแนะ"ซื้อ"หุ้น บมจ.ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น(STEC)คาดปี 54 กำไรสุทธิเติบโตมากจากปีนี้ เนื่องจากงานในมือ(Backlog)เพิ่มขึ้น จากล่าสุดได้งานก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินสัญญา 4 มูลค่า 1.3 หมื่นล้านบาท รวมกับงานที่ได้เมื่อต้นปี ช่วยให้ Backlog เพิ่มขึ้นมากกว่าที่บริษัทตั้งเป้าหมายไว้ที่ 2 หมื่นล้านบาท มาเป็น 2.8 -3.5 หมื่นล้านบาท

และยังมีโอกาสได้งานในครึ่งปีหลังเพิ่มขึ้นจากโครงการภาครัฐ หลังการเมืองนิ่ง และหากโครงการมาบตาพุดเดินหน้า STEC ก็มีโอกาสได้งานมากกว่ารายอื่น ขณะที่ราคาในกระดานยังมี upside สูง

          โบรกเกอร์            คำแนะนำ       ราคาเป้าหมาย
          บล.ไอร่า               ซื้อ             8.22
          บล.โกลเบล็ก            ซื้อ             8.00
          บล.เกียรตินาคิน        ซื้อเก็งกำไร        7.80
          บล.ดีบีเอสวิคเกอร์ส       ซื้อ             7.68
          บล.เอเซียพลัส           ซื้อ             7.53
          บล.ธนชาต              ซื้อ             7.00
          บล.ซิกโก้               ซื้อ             6.60
          บล.กิมเอ็ง              ซื้อ             6.50

นายสุรศักดิ์ อนุตรโสตถิ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย)กล่าวว่า จากที่ STEC เป็นผู้เสนอราคาต่ำสุดที่ 13,380 ล้านบาท ในการประมูลราคาก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน สัญญา 4(ทางยกระดับ ช่วงท่าพระ-หลักสอง)ระยะทาง 10.5 กิโลเมตร พร้อมงานก่อสร้างศูนย์ซ่อมบำรุง ส่งผลให้งานในมือ(backlog)เพิ่มขึ้นมาเป็น 2.8 หมื่นล้านบาท

และมีงานรอเซ็นสัญญาอีก 4.6 พันล้านบาท ซึ่งเป็นงานก่อสร้างอาคารศาลฏีกา และระบบท่อส่งน้ำที่จันทบุรี แนวโน้มจะได้งานเพิ่มขึ้น เพราะการเมืองเริ่มดีขึ้น ทำให้คาดการณ์ว่ากำไรสุทธิในปี 54 จะเพิ่มขึ้นเป็น 384 ล้านบาท จากปีนี้ที่คาดว่าจะมีกำไร 242 ล้านบาท ลดลงไปตามรายได้ที่คาดว่าจะรับรู้ประมาณ 1 หมื่นล้านบาท เนื่องจากมี backlog มาต้นปีจำนวน 1.7 หมื่นล้านบาท(ส่วนใหญ่มาจากโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วง มูลค่า 1.3 หมื่นล้านบาท)

"เราแนะนำ ซื้อ เพราะปีหน้ากำไรโตดี เราคาดว่าเขาจะได้งานมากในปีนี้"นายสุรศักดิ์ กล่าว

ด้านนายสมบัติ เอกวรรณพัฒนา ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) มองว่า การได้งานประมูลรภภไฟฟ้าสายสีน้ำเงินเพิ่มเข้ามา ทำให้งานในมือเพิ่มขึ้น 56% จากที่มีอยู่ราว 2 หมื่นล้านบาท อย่างไรก็ตาม ก็คาดว่า STEC จะถูกต่อรองงานลงมา 14% มาอยู่ที่ 1.15 หมื่นล้นบาท จาก 1.3 หมื่นล้นบาท ซึ่งตั้งสมมติฐานจากเมื่อครั้งประมูลสายสีม่วงที่ STEC ได้งานและถูกต่อรองลงมา

งานรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินจะเริ่มรับรู้รายได้ในปีหน้าเป็นปีแรกที่คาดว่าจะรับรู้ราว 15% ของมูลค่างานหรือประมาณ 1,800 ล้านบาท และจะช่วยทำให้กำไรสุทธิในปี 54 เพิ่มขึ้น 35% เป็น 482 ล้านบาท จากปีนี้ที่คาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 357 ล้านบาท (+12% จากปี 52)

"ปีหน้ากำไรจะดีมาก ตอนนี้เรามองข้ามไปปีหน้า และปีหน้าสายสีม่วงรายได้เข้ามา peak..ราคายังมี upside เราแนะนำ ซื้อ"นายสมบัติ กล่าว

นอกจากนี้ ยังมองว่าหากโครงการในมาบตาพุดเดินหน้าได้ STEC มีโอกาสได้งานก่อสร้างโรงงานปิโตรเคมี โรงไฟฟ้า ที่เป็นจุดเด่นของ STEC และ STEC เป็นบริษัทที่มีฐานะการเงินแข็งแกร่งโดยปลายปีนี้ มีเงินสดมากกว่าภาระหนี้เงินกู้ ซึ่งดีกว่าเมื่อเทียบกับบมจ.ช.การช่าง(CK) และ บมจ.อิตาเลียนไทย ดิเวลล๊อปเมนท์(ITD)

บล.โกลเบล็ก เห็นว่าจากการชนะประมูลของ STEC ในครั้งนี้คาดว่าจะทำให้บริษัทมีงานในมือเพิ่มขึ้นอย่างมาก เนื่องจากในไตรมาส 1/53 STEC มีงานในมืออยู่แล้ว 15,000 ล้านบาท ดังนั้น เมื่อรวมมูลค่างานที่ได้จากการชนะประมูลในครั้งนี้จะทำให้ STEC มีงานในมือเพิ่มขึ้นเป็น 28,000 ล้านบาท รองรับการเติบโตของรายได้ไปอีก 2-3 ปี

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของปีนี้คงยังไม่ส่งผลบวกต่อผลประกอบการของบริษัทมากนัก เนื่องจากเราเชื่อว่าราคาที่ประมูลได้จะต้องมีการเจรจาต่อรองซึ่งอาจจะต้องใช้เวลา และจะทำให้งานก่อสร้างเกิดขึ้นได้ช้า หรือแม้จะเริ่มก่อสร้างได้ แต่ก็จะรับรู้รายได้ได้เพียงเล็กน้อยในปีนี้ เนื่องจากยังเป็นระยะแรกของการก่อสร้าง

นอกจากนี้ คาดว่านักลงทุนจะกลับมาให้ความสนใจกับหุ้นในกลุ่มรับเหมามากขึ้นโดยเฉพาะ STEC เนื่องจากยังเป็นตัวเต็งที่จะเป็นผู้ชนะการประมูลในอีก 3 สัญญาของสายสีน้ำเงินที่เหลือ คือ สัญญา 1 สัญญา 2 และสัญญา 5 ซึ่งคาดว่าจะเปิดซองประมูลและทราบผู้ชนะในเดือน ก.ค.53

ส่วน บล.เอเซียพลัส ระบุว่า ผลจากการชนะประมูลงานรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ทำให้ Backlog ของ STEC เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 3.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งถือเป็นระดับที่สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ โดยเป็นส่วนของรถไฟฟ้า 2 สาย คือสายสีม่วง 1.3 หมื่นล้านบาท และสายสีน้ำเงินอีก 1.3 หมื่นล้านบาท และทำให้ STEC บรรลุเป้าหมายการเซ็นสัญญารับงานเพิ่มในปี 53 ที่ระดับ 2 หมื่นล้านบาท

เนื่องจากตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา STEC มีการรับงานใหม่เข้ามาแล้วจำนวนรวม 6.7 พันล้านบาท โดยเชื่อว่าผลประกอบการของ STEC จะมีการเติบโตอย่างโดดเด่นในปี 54 เป็นต้นไป หลังมีการรับรู้รายได้จากโครงการรถไฟฟ้าทั้ง 2 สาย เข้ามาอย่างเต็มที่


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ