บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของบริษัท ปตท. เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTCH ที่ ‘A+(tha)’ อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นที่ ‘F1(tha)’ อันดับเครดิตภายในประเทศของหุ้นกู้ที่ไม่มีหลักประกันและไม่ด้อยสิทธิที่ ‘A+(tha)’ และอันดับเครดิตภายในประเทศของหุ้นกู้ที่มีหลักประกันที่ ‘AA-(tha)’ ในขณะเดียวกันฟิทช์ได้ปรับแนวโน้มอันดับเครดิตเป็นมีเสถียรภาพจากแนวโน้มเครดิตเป็นลบ
การปรับแนวโน้มอันดับเครดิตสะท้อนถึงผลการดำเนินงาน และอัตราส่วนทางการเงินต่างๆที่ใช้ในการพิจารณาอันดับเครดิตของบริษัทฯ ที่ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ในปี 2553 รวมถึงการที่ฟิทช์คาดว่า บริษัทฯจะสามารถลดอัตราส่วนหนี้สินลงได้ ซึ่งวัดจากอัตราส่วนหนี้สินสุทธิที่ปรับปรุงแล้วต่อกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อม ค่าตัดจำหน่าย และค่าเช่า (adjusted net debt to EBITDAR) และอัตราส่วนหนี้สินสุทธิที่ปรับปรุงต่อกระแสเงินสดจากการดำเนินงานก่อนการเปลี่ยนแปลงในสินทรัพย์และหนี้สิน (funds from operations adjusted net leverage) ที่คาดว่าจะลดลงต่ำกว่า 2 เท่า ภายในปี 2554 เนื่องจากการผลิตในเชิงพาณิชย์อย่างเต็มรูปแบบของโรงงานผลิตโอเลฟินส์และโรงงานผลิตโพลิเมอร์แห่งใหม่ และค่าใช้จ่ายเพื่อการลงทุนที่คาดว่าจะลดลง นอกจากนี้ยังสะท้อนถึงความต้องการผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีในช่วง 1 ปีที่ผ่านมาที่มีการฟื้นตัวที่แข็งแกร่งกว่าที่คาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งความต้องการที่มาจากประเทศในแถบเอเชีย
ผลประกอบการของ PTTCH ในปี 2552 ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยมีกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อม ค่าตัดจำหน่าย และค่าเช่าที่ 15.6 พันล้านบาท เนื่องจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของส่วนต่างระหว่างราคาผลิตภัณฑ์กับวัตถุดิบในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2552 จากระดับที่ต่ำมากในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2551 และ ไตรมาสที่ 1 ของปี 2552 แม้ว่าหนี้สินสุทธิจะเพิ่มขึ้นเป็น 34.6 พันล้านบาท ในขณะที่อัตราส่วนหนี้สินสุทธิที่ปรับปรุงแล้วต่อกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อม ค่าตัดจำหน่าย และค่าเช่าของบริษัทฯเพิ่มขึ้นเป็น 2.2 เท่า ณ สิ้นปี 2552 แต่ยอดหนี้สินสุทธิและอัตราส่วนหนี้สินดังกล่าวยังคงดีกว่าที่ฟิทช์คาดการณ์ไว้เป็นอย่างมาก ซึ่งเป็นผลมาจากการสร้างกระแสเงินสดของบริษัทฯที่แข็งแกร่งกว่าที่คาดและค่าใช้จ่ายเพื่อการลงทุนที่ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ อัตราส่วนหนี้สินสุทธิที่ปรับปรุงแล้วต่อกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อม ค่าตัดจำหน่าย และค่าเช่าสำหรับ 12 เดือนล่าสุด ณ สิ้นไตรมาสที่ 1 ของปี 2553 ของบริษัทฯ ปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ระดับ 1.7 เท่า อย่างไรก็ตามเนื่องด้วยส่วนต่างระหว่างราคาผลิตภัณฑ์กับวัตถุดิบในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2553 ที่คาดว่าจะอ่อนตัวลง ฟิทช์คาดว่าอัตราส่วนหนี้สินดังกล่าวของบริษัทฯน่าจะอยู่ในระดับที่สูงกว่า 2 เท่า ณ สิ้นปี 2553 และปรับตัวดีขึ้นอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 2 เท่าหลังจากปี 2553 เป็นต้นไป เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของการผลิตและส่วนต่างระหว่างราคาผลิตภัณฑ์กับวัตถุดิบที่คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้น
อันดับเครดิตของ PTTCH สะท้อนถึงการสนับสนุนจากความสัมพันธ์ในเชิงธุรกิจและการดำเนินการที่มีในระดับที่สูงกับ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท. (ปัจจุบัน ฟิทช์จัดอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของ ปตท. ที่ระดับ AAA(tha) แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ) เนื่องจาก PTTCH เป็นผู้ดำเนินการหลักสำหรับกลุ่ม ปตท. ในธุรกิจปิโตรเคมีที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นวัตถุดิบ นอกจากนี้ PTTCH ยังมีสัญญาการจัดซื้อวัตถุดิบในระยะยาวกับ ปตท. และมีสัญญาการขายในลักษณะ Off-take Agreement กับ ปตท. อีกด้วย อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงการที่ PTTCH มีขนาดการผลิตผลิตภัณฑ์โอเลฟินส์ที่ใหญ่และมีต้นทุนการผลิตที่ต่ำ รวมถึงการขยายการผลิตลงไปในธุรกิจปิโตรเคมีขั้นปลายเพิ่มขึ้นซึ่งจะช่วยสนับสนุนการเติบโตของรายได้รวมและช่วยลดความผันผวนของรายได้ในระยะยาวอีกด้วย
อันดับเครดิตยังพิจารณารวมถึงปัจจัยความเสี่ยงทางด้านความผันผวนของราคาผลิตภัณฑ์ตามวัฏจักรของอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ซึ่งนำไปสู่ความผันผวนของอัตราส่วนกำไรและความสามารถในการสร้างกระแสเงินสด อุตสาหกรรมปิโตรเคมีในปี 2553 มีแนวโน้มที่จะได้รับแรงกดดันจากอุปทานส่วนเกินเนื่องจากกำลังการผลิตใหม่ที่เพิ่มขึ้นอย่างมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งจากกำลังการผลิตโอเลฟินส์ในตะวันออกกลางที่ใช้วัตถุดิบก๊าซธรรมชาติซึ่งมีต้นทุนที่ต่ำ รวมถึงแรงกดดันจากการเพิ่มขึ้นของราคาวัตถุดิบ ซึ่งเป็นปัจจัยที่จะกดดันส่วนต่างระหว่างราคาผลิตภัณฑ์กับวัตถุดิบและอัตราการใช้กำลังการผลิตในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2553 โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากอัตราการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกยังคงอ่อนแออยู่