นายกอบชัย จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา (CPN) กล่าวว่า บริษัทยังคงเป้าหมายรายได้ในปี 53 เติบโต 14-15% แม้ว่าห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ถูกไฟไหม้ หลังจากปิดให้บริการตั้งแต่ช่วงเดือน เม.ย.53 แต่จากการที่บริษัทได้เลื่อนการปิดปรับปรุงเซ็นทรัลลาดพร้าวราว 9 เดือนไปเป็นเดือน ก.พ.54 เชื่อว่าน่าจะทำรายได้เข้ามาชดเชยรายได้ที่สูญเสียไปได้
รวมถึงบริษัทจะได้รับเงินชดเชยจากการทำประกันภัยห้างเซ็นทรัลเวิลด์ โดยได้มีการทำประกันภัย 2 ส่วน คือประกันวินาศภัย และประกันภัยการก่อการร้าย ในวงเงินรวม 13,500 ล้านบาท แต่ขณะนี้อยู่ระหว่างการรอให้บริษัทประกันได้ประเมินความเสียหายเพื่อสรุปค่าชดเชย คาดว่าจะทราบผลใน 2-3 สัปดาห์นี้
"เดิมเป้าหมายรายได้ที่คาดว่าจะโต 14-15% ไม่ได้รวมรายได้ของเซ็นทรัลลาดพร้าว เพราะจะปิดทำการเพื่อซ่อมแซม และปกติเซ็นทรัลเวิลด์และเซ็นทรัลลาดพร้าวจะมีรายได้ใกล้เคียงกัน ส่วนเงินประกันเชื่อว่าจะช่วยให้เป้าหมายรายได้เป็นไปตามที่ตั้งไว้" นายกอบชัย กล่าว
บริษัทไม่มีแผนจะฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายกับกลุ่มแนวทางประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.)ที่ถูกกล่าวหาเป็นผู้ก่อการร้าย รวมถึงผู้ที่ก่อความเสียหายและวางเพลิงเซ็นทรัลเวิลด์ เพราะต้องการให้อภัยกับการกระทำที่เกิดขึ้น และหวังให้คนไทยหันมาปรองดองกัน อีกทั้งไม่ต้องการให้เหตุการณ์ยืดเยื้อ แต่หากผู้เช่ารายย่อยจะฟ้องร้อง ก็ถือเป็นสิทธิส่วนตัวที่สามารถดำเนินการได้
ด้านนายนริศ เชยกลิ่น รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการเงินและบัญชี CPN กล่าวว่า บริษัทยังคงแผนการขยายกองทุนอสังหาริมทรัพย์ CPNRF ในช่วงไตรมาส 3/53 ตามเดิม และเชื่อว่านักลงทุนยังมั่นใจที่จะเข้าลงทุนในกองทุนของบริษัท แม้ว่าจะมีปัญหาของเซ็นทรัลเวิลด์ รวมถึงแผนการลงทุนและแผนการขยายสาขาของบริษัทยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงไปจากแผนเดิม
ส่วนห้างสรรพสินค้า ZEN ที่มีความเสียหายมาก บริษัทไม่ได้เป็นผู้รับผิดชอบการซ่อมแซมอาคาร เนื่องจากสัญญาเช่าแบ่งแยกชัดเจน โดยบริษัทรับผิดชอบเพียงเซ็นทรัลเวิลด์ และส่วนของอาคารสำนักงานเท่านั้น