บมจ.ปริญสิริ(PRIN)เล็งปรับเป้ารายได้ปี 53 เพิ่มขึ้นจาก 5 พันล้านบาท หลังจากรับรู้รายได้จากโครงการคอนโดมิเนียม 3 แห่งสูงกว่าที่คาดไว้ และบริษัทยังปรับกลยุทธกลับมาให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมมากขึ้น เพราะเห็นว่าความต้องการของตลาดยังมีค่อนข้างมาก
นายวีระ ศรีธนะชัยโชติ กรรมการผู้จัดการ PRIN กล่าวว่า โครงการคอนโดมิเนียม 3 โครงการที่เปิดตัวไปแล้ว ได้แก่ เดอะ คอมพลีท นราธิวาส, บริดจ์ พหลโยธิน และ สมาร์ท คอนโดฯ พระราม 2 จะมียอดรับรู้ในปีนี้สูงถึง 70-80% จากมูลค่าโครงการรวม 3.5 พันล้านบาท ขณะที่บริษัทมียอดขายรอโอน(backlog)มากกว่า 1.7 พันล้านบาทแล้ว และบริษัทยังมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ต่อเนื่องในครึ่งปีหลัง
บริษัทยังมีแผนจะเร่งการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมให้เร็วขึ้น โดยจะร่นระยะเวลาเปิดตัวโครงการสมาร์ท คอนโดฯ วัขรพล มาเป็นไตรมาส 3/53 จากแผนเดิมกำหนดเปิดตัวในช่วงปี 54 ซึ่งมีมูลค่าโครงการราว 100 ล้านบาท เนื่องจากการเปิดตัวโครงการสมาร์ท คอนโดฯ พระราม 2 ได้รับการตอบรับดีกว่าที่คาดไว้มาก ทำให้บริษัทมองว่าความต้องการคอนโดมิเนียมยังดีอยู่
ทั้งนี้ ในการพัฒนาโครงการดังกล่าวบริษัทจะยื่นขอเข้าร่วมโครงการบ้านบีโอไอ และจะมีการปรับขนาดในเฟสแรกลดลงเหลือแค่ 700 ห้อง จากเดิมตั้งไว้ 1.4 พันห้อง เพื่อเป็นการทดลองตลาดที่ได้เร่งเปิดตัวเร็วขึ้น แต่หากขายได้ดีก็มีที่ดินพร้อมจะพัฒนาเฟสต่อไปทันที
นอกจากนั้น จากการตอบรับที่ดี ทำให้บริษัทเริ่มมองหาซื้อที่ดินเพิ่มเพื่อพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมอีกครั้ง แต่คงจะเปิดตัวในปีหน้าอย่างน้อย 2-3 โครงการ ซึ่งขณะนี้บริษัทมีความพร้อมและความมั่นใจมากขึ้น หลังจากสามารถแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมที่เคยเกิดขึ้น ทั้งในเรื่องแบบก่อสร้างและต้นทุน ขณะเดียวกัน ความต้องการของตลาดค่อนข้างสูง มองว่าในปีนี้ยังเป็นปีของคอนโดมิเนียม
นายวีระ กล่าวถึงงบลงทุนที่ดินปีนี้ที่ตั้งไว้ 1.2 พันล้านบาทว่า ขณะนี้บริษัทใช้ไปแล้ว 400-500 ล้านบาท ยังเหลือเม็ดเงินที่พร้อมจะซื้อที่ดินอีก ซึ่งที่ดินที่จะซื้อต่อจากนี้จะนำมาพัฒนาโครงการบ้านเดี่ยว แต่จะไปรับรู้รายได้ในปีหน้า
ส่วนที่ดินในต่างจังหวัดที่ขณะนี้มีอยู่ในเมืองพัทยา และ อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ นั้น นายวีระ กล่าวว่า เบื้องต้นบริษัทมีแผนจะขายที่ดิน 20 ไร่ที่มีอยู่ที่พัทยา มูลค่าประมาณ 400 ล้านบาท เนื่องจากตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่พัทยาค่อนข้างซบเซา โดยขณะนี้มีผู้สนใจเข้ามาเจรจาแล้ว แต่ราคายังไม่ได้ตามที่ต้องการ
ด้านผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมืองในช่วงที่ผ่านมานั้น มีผลกับบริษัทเล็กน้อยเท่านั้น โดยทำให้รายได้ในไตรมาส 2/53 ใกล้เคียงกับไตรมาส 1/53 ที่ 1,250 ล้านบาท แต่บริษัทก็จะมาเร่งมือตั้งแต่เดือนนี้เป็นต้นไป และช่วงปลายปียังเป็นไฮซีซั่นของธุรกิจอยู่แล้ว จึงไม่น่ายากสำหรับรายได้ที่ตั้งไว้