(เพิ่มเติม) SMT ตั้งเป้ายอดขายปี 53โต 20-30%กำไรโตกว่า 60% อุตฯฟื้น-กำลังผลิตเพิ่ม

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday June 8, 2010 12:42 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.สตาร์ส ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย)(SMT) ตั้งเป้ายอดขายปี 53 เติบโต 20-30% ขณะที่กำไรสุทธิน่าจะเติบโตได้สูงกว่า 60% โดยได้รับผลดีจากความนิยมโทรศัพท์เคลื่อนที่รูปแบบสมาร์ทโฟน ทำให้คำสั่งซื้อชิ้นส่วนอุปกรณ์สื่อสารมีเข้ามามากขึ้น ประกอบกับ อุตสาหกรรมยานยนต์ที่ฟื้นตัวได้เร็วส่งผลดีต่อชิ้นส่วนอิเล็คทรอนิกส์ด้วย

บริษัทได้รับลูกค้ารายใหม่เพิ่มเข้ามา 2-3 ราย ขณะลูกค้าเก่าที่เป็นรายใหญ่บางเจ้าส่งคำสั่งซื้อให้ยาวถึงปีหน้าแล้ว ขณะที่บริษัทขยายกำลังการผลิตมารองรับคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้น โดยคาดว่าสิ้นปีนี้กำลังผลิตจะเพิ่มเป็น 1.6 พันล้านชื้น/ปี จาก 1.28 พันล้านชิ้น/ปีในปี 52

นายพลศักดิ์ เลิศพุฒิภิญโญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SMT กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทคาดว่ากำลังการผลิตที่ปรับตัวสูงขึ้นจะสามารถรองรับความต้องการสินค้าที่เพิ่มขึ้น ทั้งในส่วนของชิ้นส่วน IC chip หรือแผงวงจรรวมที่มีกำลังผลิต 1.5 พันล้านชิ้น/ปี จาก 1.2 พันล้านชิ้น/ปี ขณะเดียวกันการประกอบชิ้นส่วนไมโครอิเล็คทรอนิกส์ (MMA) อยู่ที่ 100 ล้านชิ้น/ปี จาก 80 ล้านชิ้น/ปี

โดยเฉพาะ MMA ขณะนี้มีความต้องการค่อนข้างสูงตามกระแสนิยมโทรศัพท์สมาร์ทโฟน และชิ้นส่วน MEMS ที่ใช้ในอุตสาหกรรมยานยนต์ จากแนวโน้มการผลิตรถยนต์ที่เติบโตมากขึ้นในปีนี้ ซึ่งบริษัทมองว่าในปีนี้จะยังสามารถรักษายอดขายเติบโต 20-30% ได้เมื่อเทียบกับปีก่อน

แต่ในส่วนของกำไรสุทธิจะเติบโตถึงกว่า 60% สูงกว่าเดิมที่เคยคาดว่าจะเติบโต 40% เนื่องจากบริษัทมุ่งเน้นชิ้นส่วนทั้งสองประเภท ซึ่งมีอัตราเติบโตค่อนข้างสูงและอัตรากำไรขั้นต้น(มาร์จิ้น)ค่อนข้างดี ส่งผลให้บริษัทเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม จากความต้องการที่มีต่อเนื่อง ลูกค้ารายเดิมที่เป็นรายใหญ่ 5 รายนั้น บางรายมีคำสั่งซื้อไปถึงปีหน้าแล้ว และบริษัทกำลังเจรจาลูกค้ารายใหม่ 2-3 รายเพื่อสรุปออร์เดอร์ ซึ่งจะส่งผลดีต่อยอดขายในปีต่อไป สอดคล้องกับการปรับปรุงโรงงานที่ 1 ที่มีพื้นที่ 3,500 ตารางเมตรแล้วเสร็จ เพื่อย้ายการผลิตบางส่วนจากโรงงานที่ 2 บางส่วนกลับมาผลิตที่โรงงานที่ 1

บริษัทยังให้เน้นการให้ความสำคัญกับลูกค้ารายเดิมที่มีอยู่ เพราะเป็นลูกค้าชั้นดีที่ส่งคำสั่งซื้อให้ต่อเนื่อง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ยอดขายของบริษัทปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง โดยในไตรมาส 2/53 ยอดขายน่าจะดีขึ้นจากไตรมาส 1/53

นายพลศักดิ์ กล่าวว่า จากปัญหาการเมืองที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา บริษัทไม่ได้รับผลกระทบในแง่ของคำสั่งซื้อ เพราะยังมีเข้ามาต่อเนื่อง เพียงแต่อาจจะมีการอุปสรรคในแง่ของการเจรจาลูกค้าบ้าง แต่ก็ได้มีการปรับวิธีการเพื่อแก้ปัญหาแล้ว

ขณะที่ความท้าทายของบริษัทคือผลกระทบจากปัญหาวิกฤติในยุโรปที่อาจส่งผลต่อลูกค้า ซึ่งบริษัทพยายามสร้างความได้เปรียบผู้ผลิตอื่น ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีความหลากหลาย เทคโนโลยีในการผลิตแบบผสมผสาน และลูกค้าที่หลากหลาย ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงที่เกิดขึ้นได้ ณ ขณะนี้ลูกค้าจากยุโรป ทั้งเยอรมนี สวิตเซอร์แลนด์ ก็ยังมีคำสั่งซื้อต่อเนื่อง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ