บมจ.ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่นโปรดักส์(TUF)คาดยอดขายในไตรมาส 2/53 ดีกว่าไตรมาส 1/53 ที่มียอดขาย 498 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งภายหลังจากงบไตรมาส 2/53 ออกมาแล้ว บริษัทก็อาจจะพิจารณาปรับเป้าหมายในปีนี้จากที่ประเมินยอดขายในรูปเงินดอลลาร์สหรัฐเติบโต 12% ขณะที่กำไรสุทธิทั้งปีคาดเติบโต 15-20% หลังจากไตรมาส 1/53 อัตรากำไรค่อนข้างสูง
นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานกรรมการ บมจ.ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่นโปรดักส์(TUF)เปิดเผยกับ "อินโฟเควสท์"ว่า ไตรมาส 2/53 คาดว่ายอดขายจะดีขึ้นจากไตรรมาส 1/53 เนื่องจากราคากุ้งในตลาดโลกปรับสูงขึ้นไปแล้ว 10-20% จากผลกระทบปัญหาน้ำมันในอ่าวเม็กซิโกรั่ว ทำให้การจับกุ้งในบริเวณดังกล่าวลดลงมาก ราคากุ้งในสหรัฐจึงถีบตัวสูงขึ้น ซึ่งเป็นผลดีต่อบริษัทในแง่ราคาขายที่ดีขึ้นด้วย
นอกจากนี้ ราคาปลาทูน่าก็ปรับสูงขึ้นเช่นเดียวกันเมื่อเทียบกับไตรมาส 1/53 สาเหตุจากมีการจับปลาได้น้อยลง
ทั้งนี้ ในไตรมาส 1/53 ที่ผ่านมา ยอมรับว่ายอดขายของบริษัทค่อนข้างทรงตัว ไม่เติบโตตามที่คาดการณ์ไว้ แต่ในแง่ของกำไรสุทธิกลับเติบโตถึง 27% เนื่องจากมีอัตรากำไร(มาร์จิ้น)ที่สูงขึ้น ขณะที่ไตรมาส 2/53 ยอดขายโดยรวมปรับตัวดีขึ้น
"ตอนนี้เรายังไม่ปรับเป้าหมายยอดขายและกำไรปีนี้ที่ตั้งไว้เดิม แต่จะมีการประเมินอีกครั้ง หลังจากไตรมาส 2 ว่าจะเป็นอย่างไรแต่ยอมรับว่าปีนี้น่าจะเป็นปีที่ดี...ไตรมาส 1 เรามีกำไรเติบโตถึง 27% ทำให้สบายใจว่าจะเป้าหมายน่าจะเป็นไปตามที่ตั้งไว้" นายธีรพงศ์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้บริษัทยังไม่มีแผนการขยายตลาดส่งออกเพิ่มเติม โดยปัจจุบันตลาดส่งออกส่วนใหญ่ทั้งตลาดสหรัฐ ญี่ปุ่น ยังมียอดขายที่ดีต่อเนื่อง แต่ในยุโรปอาจมีปัญหาบ้าง เนื่องจากเงินยูโรที่อ่อนค่าทำให้ราคาสินค้าปรับสูงขึ้น แต่มองว่าอาหารยังเป็นสินค้าที่คนต้องบริโภค ดังนั้นจึงไม่น่าจะมีผลกระทบมาก
นายธีรพงศ์ ยังกล่าวถึงราคาหุ้น TUF ที่ปรับสูงขึ้นในช่วงนี้ว่า เป็นราคาที่สะท้อนถึงแนวโน้มความสามารถในการทำกำไรของบริษัท