นายประพันธ์ อัศวอารี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก(EASTW) เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่ารายได้และกำไรในไตรมาส 2/53 จะเติบโตก้าวกระโดดจากไตรมาส 1/53 ที่มีรายได้ 768.24 ล้านบาท กำไรสุทธิ 241.73 ล้านบาท
เนื่องจากในไตรมาสนี้มีการบันทึกรายได้จากโครงการประแสร์ที่บริษัทส่งมอบงานให้กรมขลประทาน เมื่อเม.ย.ที่ผ่านมา มูลค่างาน 1,677 ล้านบาท และยังมีการบันทึกส่วนต่างค่าใช้จ่าย 60 ล้านบาท ขณะเดียวกันปริมาณใช้น้ำดิบ ยังเพิ่มสูงขึ้นโดยเฉพาะอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ซึ่งเห็นได้จากปริมาณการส่งน้ำที่สูงขึ้น
จากปัจจัยดังกล่าวยังส่งผลให้บริษัทมีแผนจะปรับเป้ารายได้ในปีนี้หลังจากปิดงบไตรมาส 2/53 โดยคาดว่ารายได้จะเติบโต 12% จากเป้าเดิมคาดว่าจะเติบโต 8-10% จากปีก่อนที่มีรายได้ 2,878.50 ล้านบาท โดยคาดว่าปริมาณการขายน้ำดิบในปีนี้จะขยายตัวตามอัตราการเติบโตของรายได้ แต่ขณะนี้ยังประเมินปริมาณทั้งปีอยู่ที่ 239 ล้าน ลบ.ม.จากปริมาณ 221 ล้าน ลบ.ม.ในปีก่อน
นายประพันธ์ กล่าวว่า การลงทุนในช่วงนี้และปีหน้าจะเป็นการลงทุนในโครงการต่อเนื่องจากโครงการประแสร์เป็นส่วนใหญ่ ใช้เงินลงทุนประมาณ 2.1 พันล้านบาท โดยคาดว่าโครงการวางท่อหนองปลาไหลเส้นที่ 3 จะมีโอกาสเสร็จเร็วกว่ากำหนดในปี 55 มาเป็นปี 54 จะทำให้ความสามารถส่งน้ำดิบมีประสิทธิภาพดีขึ้น ซึ่งโครงการดังกล่าวจะทำให้ความสามารถในการส่งน้ำเพิ่มอีก 70-80 ล้าน ลบ.ม.จากปัจจุบันอยู่ที่ 233 ล้าน ลบ.ม.
ขณะที่ ในปี 55-57 บริษัทคาดว่าจะใช้เงินลงทุนราว 1 พันล้านบาทเพื่อรองรับ การปรับปรุงระบบท่อขนส่งน้ำ และก่อสร้างสระสำรอง
นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาร่วมกับบริษัทลูกของบมจ.ผลิตไฟฟ้า(EGCO) เพื่อลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าขนาดเล็กทั้งในและต่างประเทศ คาดว่าจะข้อสรุปและลงทุนภายในปีนี้ ซึ่งจะช่วยทำให้ผลประกอบการบริษัทเพิ่มขึ้นในอนาคต
นายประพันธ์ กล่าวถึงปัญหาภัยแล้งที่เกิดหลายพื้นที่ในประเทศขณะนี้ว่า บริษัทได้เพิ่มปริมาณสำรองน้ำเป็น 160 ล้านลบ.ม. จากเดิมมีปริมาณสำรอง 100 ล้าน ลบ.ม.เพื่อป้องกันปัญหาการขาดแคลนน้ำ เพราะช่วงหน้าแล้งปีนี้อาจจะส่งผลกระทบต่อปริมาณน้ำสำรองไว้ใช้ในปีหน้าไม่เพียงพอ แต่สำหรับปีนี้ยังมีปริมาณน้ำเพียงพอต่อความต้องการ