นางจันทนา สุขุมานนท์ รองประธานบริหารลูกค้าสัมพันธ์ บมจ.ปูนซิเมนต์นครหลวง(SCCC)คาดว่า ยอดขายในไตรมาส 2/53 ลดลงจากไตรมาส 1/53 ประมาณ 2-3% เพราะเป็นช่วงที่มียอดการใช้ปูนซิเมนต์น้อย แต่ถ้าเทียบกับไตรมาส 2/52 อาจจะไม่เติบโต เพราะความต้องการและการขนส่งยังไม่ราบรื่น แต่ไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาความไม่สงบทางการเมือง
และคาดว่ายอดขายในไตรมาส 3/53 จะลดลงจากไตรมาส 1/53 ประมาณ 5-6% เพราะป็นช่วงหน้าฝนมีงานก่อสร้างน้อย
"หลังจากนี้ จะมีการใช้ปูนมากขึ้นหรือเปล่า ขึ้นอยู่กับว่าจะมีโครงการใหญ่ๆอะไรออกมาบ้าง แต่เราคิดว่าคงไม่มีโครงการไหนออกมาตอนนี้ ซึ่งการใช้ปูนที่รู้แน่ๆ คือโครงการ(รถไฟฟ้า)สายสีม่วง ซึ่งก็เริ่มทำไปแล้ว"นางจันทนา กล่าว
ส่วนโครงการศาลอาญา คาดว่าจะเลื่อนการก่อสร้างออกไป แต่ก็ยังคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างภายในปีนี้ ส่วนโครงการที่อยู่อาศัย อาจจะสะดุดบ้าง คงจะเริ่มโครงการในไตรมาส 3/53
"เหตุการณ์บ้านเมืองที่ผานมาไม่กระทบยอดขายปูนมากเท่าไร ซึ่งไตรมาส 2 เป็นโลว์ซีซั่นอยู่แล้ว และปูนกลางก็ไม่ค่อยได้ขายที่กรุงเทพมากนัก แต่ขายที่ต่างจังหวัดมากกว่า"นางจันทนา กล่าว
อย่างไรก็ดี นางจันทนา กล่าวว่า บริษัทคงเป้ายอดขายปีนี้เติบโต 3-5% ตามปริมาณการใช้ปูน เป็นการคาดการณ์แบบอนุรักษ์นิยม แต่ในส่วนบริษัทก็มีเป้าหมายในการทำงาน ซึ่งกำลังพิจารณาในส่วนของงบไทยเข้มแข็งว่าจะมีโครงการเกี่ยวกับสาธารณูปโภคสาธารณูปการหรือไม่ อย่างไร
ส่วนปริมาณการผลิตของ SCCC ปีนี้อยู่ที่เกือบ 11 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนเล็กน้อย โดยมีกำลังการผลิตเต็มที่ 13.5 ล้านตัน โดยบริษัทต้องการรักษาส่วนแบ่งตลาดไว้ที่ 27-28% เน้นขายในประเทศ ส่วนการส่งออกจะไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เช่น พม่า ลาว และกัมพูชา
ทั้งนี้ กำลังการผลิตของตลาดรวมในประเทศในปีนี้อยู่ 50 ล้านตัน แบ่งขายในประเทศ 25 ล้านตัน และที่เหลือส่งออก
นางจันทนา กล่าวว่า ตั้งแต่ต้นเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา บริษัทได้ปรับราคาขายปูนไปแล้ว 10 บาท/ถุง และจะทยอยปรับราคาขึ้นไปถึง 15 บาท/ถุง จากราคาขายที่ 80-85 บาท/ถุง เนื่องจาก ต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้นตลอด โดยมีต้นทุนเชื้อเพลิงเป็นต้นทุนหลัก 75% ที่เหลือเป็นค่าใช้จ่ายต่างๆ โดยที่ผ่านมาไม่ได้ปรับราคา
"ที่เราคาขึ้นราคา เพราะเราอยู่ไม่ได้แล้ว...ในอุตสาหกรรมปูนซิเมนต์มองว่ามีการแข่งขันเพียงพอแล้ว เพราะทุกคนไม่อยากไปแย่งมาร์เก็ตแชร์ใคร ทุกคนต้องการให้พออยู่ได้ อย่ามี Price War"นางจันทนา กล่าว