ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (8 มิ.ย.) ขานรับเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่แสดงความเห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวในระดับปานกลาง และเชื่อว่าเศรษฐกิจจะไม่เข้าสู่ภาวะถดถอยรอบใหม่ ซึ่งการแสดงความเห็นในด้านบวกของเบอร์นันเก้ช่วยให้นักลงทุนผ่อนคลายจากความวิตกกังวลเรื่องปัญหาหนี้สาธารณะในยุโรป
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวก 123.49 จุด หรือ 1.26% แตะที่ 9,939.98 จุด ดัชนี S&P 500 ดีดขึ้น 11.53 จุด หรือ 1.10% ปิดที่ 1,062.00 จุด และดัชนี Nasdaq ลดลง 3.33 จุด หรือ 0.15% ปิดที่ 2,170.57 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.11 หมื่นล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 3 ต่อ 2 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 9.65 พันล้านหุ้น
นักวิเคราะห์จากบริษัท พลาตินัม พาร์ทเนอร์ส ในนิวยอร์ก กล่าวว่า ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเมื่อวันอังคารมีลักษณะไม่แตกต่างจากเมื่อ 2 วันทำการที่แล้ว คือนักลงทุนแห่เข้าซื้อหุ้นในช่วงท้ายของการซื้อขาย โดยหนึ่งในปัจจัยที่ช่วยหนุนตลาดดีดตัวขึ้นมาจากการที่เบอร์นันเก้กล่าวให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ ABC News ที่วอชิงตัน ว่า เศรษฐกิจสหรัฐฟื้นตัวในระดับปานกลางและไม่มีแนวโน้มที่จะเผชิญภาวะถดถอยรอบใหม่
อย่างไรก็ตาม เบอร์นันเก้ยอมรับว่าอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐยังไม่แกร่งพอที่จะทำให้อัตราว่างงานปรับตัวลดลง และคาดว่าอัตราว่างงานจะยังเคลื่อนไหวที่ระดับสูงต่อไปอีกระยะหนึ่ง ซึ่งเฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed fund rate) จากระดับต่ำสุดในปัจจุบันที่ 0 - 0.25% ก่อนที่การจ้างงานในสหรัฐจะฟื้นตัวอย่างเต็มที่
การแสดงความคิดเห็นของเบอร์นันเก้ช่วยให้นักลงทุนส่วนใหญ่ผ่อนคลายจากความกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้สาธารณะในยุโรป โดยเฉพาะเมื่อมูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส เปิดเผยว่า คำเตือนจากเจ้าหน้าที่ฮังการีเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเกี่ยวกับแนวโน้มการผิดนัดชำระหนี้ ทำให้มูดีส์ไม่มั่นใจในแนวโน้มด้านการคลังของฮังการี และอาจส่งผลกระทบต่ออันดับความน่าเชื่อถือของฮังการี
ขณะที่สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ส (S&P) เตรียมทบทวนรายงานของรัฐบาลฮังการีเกี่ยวกับการเงินสาธารณะ และแผนการของรัฐบาล โดยปัจจุบัน S&P ให้อันดับเครดิตฮังการีที่ BBB- โดยแนวโน้มมีเสถียรภาพ
นายมิฮาลี วาร์กา หัวหน้าคณะที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฮังการี เปิดเผยเมื่อวันศุกร์ว่า ฮังการีมีความเสี่ยงที่จะเผชิญกับวิกฤตหนี้สาธารณะเช่นเดียวกับกรีซ ซึ่งข่าวดังกล่าวสร้างความผันผวนให้กับตลาดการเงินทั่วโลก แม้ต่อมาเมื่อวันจันทร์ รัฐบาลฮังการีได้ออกแถลงการณ์เพื่อแก้ข่าวว่า ฮังการีไม่มีความเสี่ยงเรื่องการผิดนัดชำระหนี้ก็ตาม
หุ้นกลุ่มผู้ผลิตชิพคอมพิวเตอร์ร่วงลง โดยหุ้นอินเทล คอร์ป ปิดลบ 0.6% หุ้นมาร์เวลล์ เทคโนโลยี ปิดร่วง 4.7% หุ้นเอ็นวีเดีย คอร์ป ปิดร่วง 2.8%
หุ้นพลังงานปิดลบเพราะถูกกระทบจากวิกฤตการณ์น้ำมันรั่วไหลในอ่าวเม็กซิโก ซึ่งเป็นผลมาจากแท่นขุดเจาะน้ำมันของบีพีระเบิด โดยหุ้นบีพีปิดร่วง 5.7% หุ้นทรานส์โอเชียน คอร์ป ปิดลบ 5.8% หุ้นไดมอนด์ ออฟชอร์ ดริลลิ่ง ปิดร่วง 3.8%
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่ทางการสหรัฐจะเปิดเผยในสัปดาห์นี้ โดยวันพุธ กระทรวงพาณิชย์จะเปิดเผยข้อมูลสต็อกสินค้าภาคค้าส่งเดือนเม.ย. และธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book ส่วนวันพฤหัสดี กระทรวงแรงงานจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่กระทรวงพาณิชย์จะเปิดเผยข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนเม.ย.และข้อมูลเกี่ยวกับงบประมาณของรัฐบาลประจำเดือนพ.ค.
วันศุกร์ กระทรวงพาณิชย์จะเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนพ.ค.และตัวเลขสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนเม.ย. ขณะที่มหาวิทยาลัยมิชิแกนจะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นขั้นต้นเดือนมิ.ย.