ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบเมื่อคืนนี้ (8 มิ.ย.) หลังจากฟิทช์ เรทติ้งส์ เตือนว่า อังกฤษกำลังเผชิญปัญหาด้านการคลัง ซึ่งข่าวดังกล่าวทำให้นักลงทุนวิตกกังวลว่าวิกฤตการณ์การเงินอาจกำลังลุกลามไปทั่วยุโรป ขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงานถูกเทขายอย่างหนัก เนื่องจากความวิตกกังวลเรื่องปัญหาน้ำมันรั่วไหลในอ่าวเม็กซิโก ซึ่งเป็นผลมาจากแท่นขุดเจาะน้ำมันของบริษัท บีพี ระเบิดเมื่อเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ดัชนี FTSE 100 ร่วงลง 40.91 จุด หรือ 0.81% ปิดที่ 5,028.15 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 4,984.66 - 5,084.13 จุด
ตลาดหุ้นลอนดอนถูกเทขายอย่างหนัก หลังจากฟิทช์ เรทติ้งส์ เตือนว่า อังกฤษกำลังเผชิญปัญหาด้านการคลังซึ่งยากที่จะจัดการ และกล่าวว่ารัฐบาลผสมชุดใหม่ของอังกฤษจำเป็นต้องต้องเร่งเดินหน้าแผนการลดยอดขาดดุลงบประมาณให้เร็วขึ้นกว่าที่รัฐบาลชุดก่อนได้ประกาศไว้เมื่อเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา
ฟิทช์ระบุว่า รัฐบาลอังกฤษต้องกำหนดแผนการที่เข้มงวดกว่าที่รัฐบาลชุดก่อนได้ประกาศไว้ โดยรัฐบาลภายใต้การนำของพรรคแรงงานของอดีตนายกรัฐมนตรีกอร์ดอน บราวน์ ได้ตั้งเป้าไว้ว่าจะลดยอดขาดดุลให้ลงมาเหลือ 8.5% ของจีดีพีในปีงบประมาณ 2554/2555 และลงมาเหลือ 5.2% ในปี 2556/2557
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี เดวิด คาเมรอน มีกำหนดการที่จะแถลงงบประมาณฉุกเฉินในวันที่ 22 มิ.ย.นี้ ซึ่งรวมถึงการเปิดเผยรายละเอียดของมาตรการหั่นรายจ่ายของรัฐเพื่อลดตัวเลขขาดดุลงบประมาณและหนี้สาธารณะ
หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงหนักสุด อันเนื่องมาจากความกังวลเรื่องปัญหาน้ำมันรั่วไหลในอ่าวเม็กซิโก จนเป็นเหตุให้เกิดหายนะด้านสิ่งแวดล้อมครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐ โดยหุ้นบีพีร่วงลง 5% หุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ ปิดลบ 0.5% หุ้นเคร์น เอ็นเนอร์จี ปิดร่วง 1% และหุ้นทุลโลว์ ออยล์ ปิดลบ 1.2%
ส่วนหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ดีดตัวขึ้นตามราคาโลหะพื้นฐานในตลาดลอนดอน รวมถึงทองแดงและนิกเกิ้ล โดยหุ้นเฟรสนิลโล ปิดบวก 0.8% หุ้นแรนด์โกลด์ รีซอร์สเซส ปิดบวก 1.5% หุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ปิดพุ่ง 3.1% หุ้นแองโกล อเมริกัน ปิดบวก 4% และหุ้นอันโตฟากัสต้าปิดบวก 4.6%