นายสุรพล รุจิกาญจนา ประธานกรรมการ บมจ.ไดเมท (สยาม) (DIMET) เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าผลประกอบการงวดปี 52/53 รายได้จะมีอัตราการเติบโตที่ชะลอตัวลง เหลือ 0-5% จากเป้าหมายเดิมที่คาดว่าจะเติบโต 10% จากงวดปี 51/52 ที่มีรายได้ 288.36 ล้านบาท เนื่องจากปัญหาการชุมนุมทางการเมืองส่งผลกระทบต่อลูกค้าที่ส่วนใหญ่เป็นโครงการได้ชะลอการลงทุน จึงมีผลต่อคำสั่งซื้อสินค้าของบริษัทด้วย
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เชื่อว่าสถานการณ์หลังจากนี้จะคลี่คลายลง เห็นได้จากสัญญาณการกลับมาของลูกค้าบางส่วน แต่ยอดขายและรายได้ยังไม่กลับเข้าสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้ จึงทำให้บริษัทต้องปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจ โดยให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์สีทาอาคารมากขึ้น เนื่องจากยังมีความต้องการจำนวนมาก และตลาดรวมมีมูลค่าสูงถึง 1.5 หมื่นล้านบาท/ปี ใหญ่กว่าตลาดสีกันสนิมที่มีขนาด 3,000 ล้านบาท/ปี และตลาดสีเคลือบไม้ 3,000-4,000 ล้านบาท/ปี
ขณะนี้บริษัทเริ่มมีออร์เดอร์สีทาอาคารจากลูกค้าโครงการบ้างแล้ว และคาดว่าการปรับกลยุทธ์ดังกล่าวจะส่งผลอย่างมีนัยสำคัญต่อผลประกอบการในเดือน ธ.ค.นี้ และมีผลมากขึ้นในปีหน้า โดยจะทำให้สัดส่วนรายได้จากสีทาอาคารและสีอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นในผลประกอบการงวดปี 52/53 เป็น 30-40% จากงวดปี 51/52 ที่มีสัดส่วน 34-35% สีกันสนิม 40% และ สีเคลือบไม้ 25-16%
อย่างไรก็ตาม แม้รายได้ในงวดปี 52/53 จะมีอัตราการเติบโตที่ลดลง แต่คาดว่าจะมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจากงวดปี 51/52 ที่มีกำไรสุทธิประมาณ 6 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทมีการบริหารต้นทุนและวัตถุดิบ รวมถึงการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ซึ่งส่งผลดีต่อการทำกำไร(มาร์จิ้น)คาดว่าจะสามารถรักษาอัตรากำไรสุทธิ(Net Profit Margin)ในระดับใกล้เคียงกับ 3 ไตรมาสที่ผ่านมาที่ 4.1% เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของงวดปีก่อนที่อยู่ในระดับ 2.23%
"ผลกำไรจากงวดปี 52/53 คงเพิ่มขึ้นแต่ในส่วนรายได้คงเพิ่มไม่มาก เพราะปัญหาการเมือง ทำให้การลงทุนชะงัก แต่การเมืองก็ไม่ใช่ประเด็นทั้งหมด เพราะคนยังต้องกลับมาลงทุนและสร้างบ้าน ซึ่งการปรับแผนเป็นวิธีลดความเสี่ยงจากสิ่งที่เกิดขึ้นได้ และยังเป็นการเพิ่มรายได้ให้บริษัทในอนาคต หากสินค้าตัวนั้นเป็นสินค้าที่มีมาร์จิ้นที่ดีและมีความต้องการสูง"นายสุรพล กล่าว