พ.อ.นที ศุกลรัตน์ กรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) เปิดเผยว่า ที่ประชุม กทช.กำหนดกรอบการออกใบอนุญาตประกอบกิจการให้บริการอินเตอร์เน็ตไร้สายความเร็วสูง(Broadband Wireless Access:BWA) หรือ WIMAX โดยใช้คลื่นความถี่ย่าน 2.3 GHz และ 2.5 GHz ในการให้บริการ และคาดว่าภายใน ก.ย. จะได้ผู้รับใบอนุญาต ซึ่งใบอนุญาตจะมีระยะเวลา 10 ปี
โดยมีกรอบเวลาดำเนินการ ได้แก่ การจัดทำร่าง Information Memorandum(IM)ร่างประกาศหลักเกณฑ์ จัดรับฟังความคิดเห็นสาธารณะ ในต้นเดือนก.ค. และลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา ภายในเดือน ก.ค. และในเดือน ส.ค.จะประกาศเชิญชวนและเปิดรับคำขอรับการอนุญาต
"ผู้ที่มาขอใบอนุญาต 3G บนคลื่น 2.1 GHz แล้วจะมาขอใบอนุญาตนี้ ไม่น่าจะได้ เพราะจะได้ Spectrum cap (การครอบครองคลื่นความถี่เพื่อให้บริการ)เกินความจำเป็นการใช้งาน...เป็นแนวนโยบายของ กทช.ว่าเราจะดูแล Spectrum cap เพื่อให้เกิดการแข่งขันที่เป็นธรรม"พ.อ.นที กล่าว
แนวทางการดำเนินการสำหรับคลื่นความถี่ย่าน 2.3 GHz ซึ่งปัจจุบันถือครองโดย บมจ.ทีโอที 64 MHz, บมจ.กสท โทรคมนาคม ถือครอง 8 MHz และที่เหลือถือครองโดยหน่วยงานรัฐอื่นทั้งด้านความมั่นคง การศึกษา จะให้ผู้ถือครรองคลื่นความถี่ย่าน 2.3 GHz สามารถขอใบอนุญาตประกอบกิจการ BWA ทั่วประเทศ โดยใช้คลื่นความถี่ขนาดไม่เกินจำนวน 30 MHzต่อราย ขณะที่ผู้ที่ถือครองเกิน 30 MHz จะต้องคืนคลื่นความถี่ หลังจากหลักเกณฑ์ดังกล่าวลงในราชกิจจานุเบกษาภายใน 30 วัน
ส่วนแนวทางการดำเนินการสำหรับคลื่นความถี่ย่าน 2.5 GHz เพื่อใช้ให้บริการอินเตอร์เน็ตไร้สายความเร็วสูงในพื้นที่เป้าหมายซึ่งมีอัตราการเข้าถึงอินเตอร์เน็ตต่ำ โดยการจัดทำโครงการ ในลักษณะบริการโทรคมนาคมพื้นฐานโดยทั่วถึง(USO)โดยจะเป็นการอนุญาตประกอบกิจการเชิงพาณิชย์ในพื้นที่เป้าหมาย 15-20 จังหวัด โดยเบื้องต้นกำหนด 4 จังหวัดก่อน ซึ่งเป็นพื้นที่ห่างไกล โดยให้รายละ 30 MHz และให้รายละจังหวัด
และประกาศรับสมัครผู้ดำเนินโครงการ โดยมีเงื่อนไขเกี่ยวกับอัตราขั้นสูง และพื้นที่ให้บริการ ทั้งนี้ผู้ดำเนินโครงการสามารถขอรับเงินอุดหนุนจากกองทุนพัฒนากิจการโทรคมนาคมได้ในระยะเวลาที่กำหนด โดยกทช.จะคัดเลือกผุ้ดำเนินโครงการ โดยใช้วิธีการประมูลแบบ Reserve auction โดยผู้ที่ขอรับเงินอุดหนุนต่ำที่สุดจะได้รับการคัดเลือก
ทั้งนี้ ในวันที่ 11 มิ.ย.นี้ กทช.กำหนดประชุม Focus Group เพื่อเปิดโอกาสให้กลุ่มผู้ประกอบการ นักวิชาการ หน่วยงานรัฐ และองค์กรผู้บริโภค เข้ามามีส่วนร่วมในการพิจารณาให้ความเห็นและเหตุผลในประเด็นต่างๆที่เกี่ยวข้อง ก่อนการจัดรับฟังความคิดเห็นสาธารณะตามกำหนดการต่อไป