นายเบน เตชะอุบล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.คันทรี่ กรุ๊ป ดีเวลลอปเมนท์(CGD) คาดว่าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะเริ่มสร้างรายได้ให้กับบริษัทอย่างเต็มที่ในปี 54 ซึ่งจะทำให้มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด หลังจากเปิดตัวโครงการแรกคอนโดมิเนียมอิลิเมนท์ มูลค่า 2.2 พันล้านบาทในไตรมาส 3/53 และยังได้วางแนวทางที่จะพัฒนาโครงการใหม่เพิ่มปีละ 2-3 โครงการตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป
อย่างไรก็ตาม ในช่วงปีนี้ที่รายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ยังไม่เข้ามานั้น บริษัทก็จะเตรียมมองหาธุรกิจใหม่เข้ามาเสริมเพื่อผลักดันรายได้ให้เติบโตขึ้นจากที่วางเป้าหมายในขณะนี้ประมาณ 300-400 ล้านบาท โดยมีบริษัท เอ-โฮสต์(A-HOST)ทำรายได้หลัก และตั้งความหวังว่าผลประกอบการจะพลิกเป็นกำไร แต่บริษัทยังไม่มีแผนล้างขาดทุนสะสมในขณะนี้
ส่วนการเปิดจองซื้อหุ้นเพิ่มทุน CGD ในวันที่ 31 พ.ค.-11 มิ.ย. ซึ่งเป็นการขยายเวลาจาก 31 พ.ค.-4 มิ.ย.นั้น เชื่อว่าผู้ถือหุ้นเดิมจะใช้สิทธิจองซื้อครบทั้งจำนวนที่เสนอขาย 814,529,934 หุ้น ในอัตราส่วน 2 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ ที่ราคา 0.47 บาท เนื่องจากเป็นราคาที่ต่ำกว่าพาร์ และยังมีสิ่งจูงใจคือผู้จองซื้อหุ้นเพิ่มทุนจะได้รับจัดสรรใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นของบริษัทครั้งที่ 2 ด้วย ซึ่งกลุ่มเตชะอุบลเองก็พร้อมจะซื้อหุ้นเพิ่มทุนตามสิทธิที่มีด้วยเช่นกัน
นายเบน กล่าวว่า ในอีก 1-2 เดือนจะเปิดพรีเซลล์โครงการ"อิลิเมนท์"ซึ่งใช้เงินลงทุน 1.2-1.4 พันล้านบาท โดยมี 1,200 ยูนิต เป็นอาคาร 8 ชั้น 8 อาคาร บนเนื้อที่ 13 ไร่ ทำเลใกล้ห้างสรรพสินค้าซีคอนสแควร์ ศรีนครินทร์ ราคาขายเริ่มต้นที่ 1.7 ล้านบาท/ยูนิต โดยพื้นที่ในการทำโครงการดังกล่าวถือว่าเป็นโครงการปลอดหนี้ คาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่กลางปี 54 เป็นต้นไป
สำหรับรายได้หลักในปีนี้มาจาก A-HOST ประมาณ 300-400 ล้านบาท และอยู่ระหว่างการพิจารณาหาธุรกิจอื่นเข้ามาเสริมเพื่อเพิ่มรายได้ นอกเหนือจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ แต่ขณะนี้ยังไม่มีข้อสรุปชัดเจน โดยปีนี้บริษัทตั้งเป้าที่จะพลิกเป็นกำไร หลังจากปีก่อนมีผลขาดทุน 224 ล้านบาทเนื่องมาจากการตัดขายสินทรัพย์ทำให้เกิดผลขาดทุนทางบัญชี แต่ช่วงครึ่งหลังของปีนี้จะไม่มีรายการดังกล่าวแล้ว ดังนั้น หากมีรายได้เข้ามาจะบันทึกเป็นกำไรทันที ประกอบกับจะมีธุรกิจใหม่ๆเข้ามาเพิ่มขึ้น
ปัจจุบันมีขาดทุนสะสมจำนวน 440 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้บริษัทยังไม่มีแผนล้างขาดทุนสะสม เนื่องจากสามารถใช้เป็นสิทธิประโยชน์ทางภาษีในการพัฒนาโครงการอื่นของบริษัท
"จะล้างขาดทุนสะสมเมื่อไรต้องเสนอให้บอร์ดพิจารณา แต่เรื่องนี้ยังไม่ได้นำเสนอบอร์ด" นายเบน กล่าว
สำหรับในปี 54 คาดว่าบริษัทจะมีรายได้และมีผลกำไรเติบโตอย่างก้าวกระโดด หลังจากได้หันมาดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ด้วยการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม ซึ่งมีแผนจะพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ปีละ 2-3 โครงการ ทั้งโครงการออฟฟิศทาวเวอร์ โรงแรม
นายเบน กล่าวอีกว่า การขายหุ้นเพิ่มทุนของบริษัท ซึ่งกลุ่มเตชะอุบล ปัจจุบันถือหุ้น 22% พร้อมใช้สิทธิเต็มจำนวนจองหุ้นเพิ่มทุน โดยคาดว่าต้องใช้เงินซื้อหุ้นครั้งนี้ประมาณ 80 ล้านบาท และมั่นใจว่าผู้ถือหุ้นใหญ่รายอื่นก็พร้อมใช้สิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุนเช่นเดียวกัน เนื่องจากมีเงื่อนไขพิเศษที่แจกวอร์แรนต์ฟรี
ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าจะได้เงินจากการขายหุ้นเพิ่มทุนครั้งนี้ประมาณ 380 ล้านบาท หากผู้ถือหุ้นเดิมใช้สิทธิจองซื้อหุ้นทั้งหมด โดยจะได้รับเงินภายใน 7 วัน หลังปิดการขายหุ้นเพิ่มทุน
"คาดว่าผู้ถือหุ้นเดิมจะใช้สิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุนทั้งหมด เนื่องจากโปรเจ็คต์ใหม่ของบริษัทมีหลายช่องทางดำเนินการ และสามารถเปิดเฟสต่อไปได้ เพราะแค่ที่ดินมูลค่า 3,500 ล้านบาทก็เป็นที่ดินที่ปราศจากหนี้แล้ว และคาดว่าเป็นโครงการคอนโดมิเนียมที่จะได้รับความสนใจ ดังนั้น คาดว่าจะเพิ่มทุนสำเร็จ"นายเบน กล่าว