ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กวิตกปัญหาน้ำมันรั่วกระทบบีพี ฉุดดาวโจนส์ปิดลบ 40.73 จุด

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday June 10, 2010 06:43 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดขยับลงเมื่อคืนนี้ (9 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มพลังงาน โดยเฉพาะหุ้นบีพีที่ถูกกระหน่ำขายอย่งหนัก อันเนื่องมาจากความกังวลที่ว่าเหตุการณ์แท่นขุดเจาะน้ำมันของบริษัทบีพีระเบิดจนเป็นเหตุให้น้ำมันรั่วไหลลงสู่อ่าวเม็กซิโกจำนวนมากนั้น อาจส่งผลกระทบต่อผลประกอบการและการสู้คดีในชั้นศาลของบีพี อย่างไรก็ตาม ดาวโจนส์สามารถไต่ขึ้นจากระดับต่ำสุดของวันได้ เพราะตลาดได้แรงหนุนจากการแสดงความคิดเห็นในด้านบวกต่อเศรษฐกิจของเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดลบ 40.73 จุด หรือ 0.41% แตะที่ 9,899.25 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 6.31 จุด หรือ 0.59% ปิดที่ 1,055.69 จุด และดัชนี Nasdaq ร่วงลง 11.72 จุด หรือ 0.54% ปิดที่ 2,158.85 จุด

ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.053 หมื่นล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 16 ต่อ 15 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 9.65 พันล้านหุ้น

ตลาดหุ้นนิวยอร์กทะยานขึ้นในช่วงเช้า ขานรับเบอร์ที่แถลงต่อคณะกรรมาธิการด้านงบประมาณแห่งสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐว่า วิกฤตหนี้สาธารณะในยุโรปจะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐแค่ในระดับปานกลางเท่านั้น ตราบใดที่วอลล์สตรีทยังคงมีเสถียรภาพ พร้อมกับแสดงความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังคงอยู่ใน "ระยะฟื้นตัว" แม้ต้องเผชิญกับปัจจัยลบต่างๆ ที่รวมถึงปัญหาการเงินในยุโรป อัตราว่างงานที่อยู่ในระดับสูง และตลาดอสังหาริมทรัพย์ภายในประเทศที่ยังอยู่ในภาวะเปราะบาง

ขณะที่รายงานการสำรวจเศรษฐกิจของเฟดทั้ง 12 เขต หรือ Beige Book ระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐยังคงฟื้นตัวและมีการขยายตัวในระดับปานกลาง ส่วนตลาดแรงงานเริ่มฟื้นตัวแล้ว

อย่างไรก็ตาม ดาวโจนส์เริ่มถอยลงมาเคลื่อนอยู่ในแดนลบในช่วงเบ่าย เนื่องจากนักลงทุนกระหน่ำขายหุ้นกลุ่มพลังงาน เพราะกังวลว่าเหตุการณ์น้ำมันรั่วไหลในอ่าวเม็กซิโกซึ่งถือเป็นหายนะด้านสิ่งแวดล้อมครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์สหรัฐนั้น อาจส่งผลกระทบต่อผลประกอบการและการสู้คดีในชั้นศาลของบีพี โดยบีพีกำลังเผชิญกับการสอบสวนทางในทางอาญาและทางแพ่งจากรัฐบาลสหรัฐ หลังจากแท่นขุดเจาะ Deepwater Horizon ของบริษัทเกิดระเบิดขึ้นเมื่อวันที่ 20 เมษายนที่ผ่านมา จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 11 คน และทำให้น้ำมันรั่วไหลลงสู่ท้องทะเลในขณะนี้อยู่ที่ระดับ 12,000 - 19,000 บาร์เรลต่อวัน

นายโทนี่ เฮย์เวิร์ด ซีอีโอของบีพีเปิดเผยว่า ต้นทุนการแก้ปัญหาน้ำมันรั่วไหลในอ่าวเม็กซิโกจนถึงขณะนี้พุ่งขึ้นเป็น 1.25 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งตัวเลขดังกล่าวยังไม่รวมเงิน 360 ล้านดอลลาร์ที่ต้องจ่ายในโครงการสร้างสันทราย (sand berm) จำนวน 6 แห่ง เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำมันไหลเข้าสู่พื้นที่ชุ่มน้ำในรัฐหลุยเซียนา

ทั้งนี้ หุ้นบีพีร่วงลง 15.8% ซึ่งฉุดหุ้นพลังงานตัวอื่นๆในตลาดดิ่งลงด้วย รวมถึงหุ้นอนาดาร์โค ปิโตรเลียม คอร์ป ที่ดิ่งลง 18.6%

นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่ทางการสหรัฐจะเปิดเผยในสัปดาห์นี้ โดยวันพฤหัสดี กระทรวงแรงงานจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่กระทรวงพาณิชย์จะเปิดเผยข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนเม.ย.และข้อมูลเกี่ยวกับงบประมาณของรัฐบาลประจำเดือนพ.ค. ส่วนวันศุกร์ กระทรวงพาณิชย์จะเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนพ.ค.และตัวเลขสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนเม.ย. ขณะที่มหาวิทยาลัยมิชิแกนจะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นขั้นต้นเดือนมิ.ย.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ