ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (10 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ หลังจากหนังสือพิมพ์เฮอร์รัลด์ ซัน ของออสเตรเลีย รายงานว่านายกรัฐมนตรีเควิน รัดด์ ของออสเตรเลีย อาจจะประกาศเปลี่ยนแปลงนโยบายการจัดเก็บภาษีเหมืองแร่ นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ยังได้แรงหนุนหลังจากจีนเปิดเผยยอดส่งออกที่พุ่งขึ้นแข็งแกร่ง
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ดัชนี FTSE 100 เพิ่มขึ้น 46.64 จุด หรือ 0.92% ปิดที่ 5,132.50 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 5,030.93 - 5,149.69 จุด
นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มเหมืองแร่หลังจากสื่อชื่อดังของออสเตรเลียรายงานว่า นายกรัฐมนตรีออสเตรเลียอาจจะประกาศเปลี่ยนแปลงนโยบายการจัดเก็บภาษีเหมืองแร่ และหลังจากสำนักงานศุลกากรจีนรายงานเมื่อวานนี้ว่า ยอดส่งออกของจีนในเดือนพ.ค.ขยายตัวแข็งแกร่ง 48.5% ขณะที่ยอดนำเข้าพุ่งขึ้น 48.3% ซึ่งทำให้จีนมียอดเกินดุลการค้าสูงถึง 1.953 หมื่นล้านดอลลาร์ บ่งชี้จีนซึ่งเป็นประเทศที่เศรษฐกิจขยายตัวรวดเร็วสุดในโลก สามารถต้านทานวิกฤตการณ์หนี้สาธารณะในยุโรปได้
ทั้งนี้ หุ้นริโอทินโต พุ่งขึ้น 3.4% หุ้นเอ็กซ์สตราตาปิดบวก 3.9% หุ้นคาซัคมิสปิดบวก 3.9% และหุ้นยูเรเชียน เนเชอรัล รีซอร์สเซส ปิดพุ่ง 4.5%
อย่างไรก็ตาม หุ้นบีพีร่วงลง 6.7% สู่ระดับ 365.5 เพนซ์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.2545 หลังจากนายเอียน แมคโดนัลด์ นักสมุทรศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยฟลอริด้า ประเมินว่า ปริมาณน้ำมันดิบที่รั่วไหลลงสู่อ่าวเม็กซิโกมีอยู่สูงถึง 26,500 - 30,000 บาร์เรล ซึ่งสูงกว่าการประเมินของบีพีและรัฐบาลสหรัฐถึง 6 เท่า
หุ้นบีพีร่วงลงแม้ผู้บริหารของบีพีออกแถลงการณ์เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนว่า สถานะการเงินของบริษัทยังแข็งแกร่ง นอกจากนี้ บีพียังมีความสามารถและมีความยืดหยุ่นในการรับมือกับต้นทุนที่ต้องใช้จ่ายในการแก้ปัญหาน้ำมันรั่วในอ่าวเม็กซิโก ขณะเดียวกันสินทรัพย์ของบีพียังคงมีมูลค่าที่ดีและน่าดึงดูด และบริษัทมีแหล่งสำรองน้ำมันดิบกว่า 18 ล้านบาร์เรล และ 6.3 หมื่นล้านบาร์เรลที่บีพีค้นพบในช่วงเวลาปลายปี 2552
ธนาคารกลางอังกฤษมีมติตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.5% ในการประชุมเมื่อวานนี้ พร้อมกันนี้ ธนาคารกลางยังได้ตัดสินใจที่จะไม่อัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจเพิ่มเติมภายใต้โครงการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ซึ่งเป็นไปตามความคาดหมายของตลาด