บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น(DTAC)ขานรับเงื่อนไขในสารสนเทศเปิดประมูลใบอนุญาตให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ 3G ฉบับใหม่หรือ IM ที่ทางคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กทช.)ประกาศออกมาในสัปดาห์นี้ โดยเฉพาะประเด็นสำคัญคือราคาเริ่มต้นใบอนุญาตที่กำหนดไว้ที่ 1 หมื่นล้านบาท และจำนวนใบอนุญาต
อย่างไรก็ตาม DTAC แสดงความกังวลเกี่ยวกับระยะเวลาในการสรุปผลการเปิดรับฟังความเห็นร่าง IM ก่อนเปิดประมูลในเดือน ก.ย.โดยเห็นว่าระยะเวลาเร่งรีบเกินไป อาจจะทำให้ผู้ประกอบการเตรียมการไม่ทัน
แต่ในด้านความพร้อมในการลงทุนนั้น DTAC ยืนยันว่ามีเงินลงทุนเพียงพอที่จะใช้พัฒนาโครงข่ายในระยะแรกที่คาดว่าจะใช้เงินราว 1.5 หมื่นล้านบาท โดยคาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการได้ในต้นปี 54 หากกทช.จัดประมูลได้ตามกำหนด
นายทรอเร่ เจนเซ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร DTAC เปิดเผยว่า บริษัทพร้อมเข้าร่วมประมูลใบอนุญาต 3G ในเดือน ก.ย.หลังจาก กทช.ได้นำเสนอร่างกฎเกณฑ์การประมูลต่อสาธารณชน โดยราคาประมูลเริ่มต้นที่ 10,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นราคายอมรับได้ แม้เป็นราคาที่สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้
ทั้งนี้ เชื่อว่าจะมีผู้สนใจเข้าร่วมประมูลหลายราย ทั้งผู้ประกอบการรายเดิม และผู้ที่มีเงินทุนจำนวนมากที่พร้อมลงทุน แต่บริษัทมองว่าการกำหนดกรอบเวลารับฟังความคิดเห็นและสรุปความคิดเห็นเพื่อกำหนดเพื่อร่างกฎเกณฑ์ฉบับจริง มีระยะเวลาค่อนข้างสั้น หากมีผู้เสนอความคิดเห็นจำนวนมากจะทำให้เวลาไม่เพียงพอต่อการสรุปรวบรวมความคิดเห็น
บริษัทมีแผนลงทุน 10,000-15,000 ล้านบาท/ปีในการวางเครือข่ายและอุปกรณ์ 3G ซึ่งยังไม่รวมค่าใบอนุญาตที่คาดว่าจะสูงกว่า 10,000 ล้านบาท แต่ยังไม่ทราบว่าจะมีราคาสรุปที่เท่าไร
ส่วนการให้บริการ 3G บนคลื่น 850 เมกะเฮิร์ต บริษัทยังไม่มีการล้มเลิก โดยยังรอคำตอบจาก บมจ.กสท โทรคมนาคม
"ถ้าใบอนุญาต 3 จี เปิดประมูลได้จริงในช่วง ก.ย.กว่าจะให้บริการเชิงพาณิชย์ได้ คงเป็นช่วงต้นปี 54 ซึ่งจะเห็นรายได้เข้ามา และการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมโทรคมนาคมโดยรวม"นายทรอเร่ กล่าว
นายทอเร่ กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทยังคงเป้าหมายมีรายได้เติบโต 7-9% และตั้งเป้ากระแสเงินสด 16,000 ล้านบาทไว้ตามเดิม แม้ว่าจะมีปัญหาสถานการณ์ความวุ่นวายจากการชุมนุมทางการเมืองช่วง พ.ค.ที่ผ่านมา ทำให้รายได้หายไปบ้าง โดยเฉพาะจากบริการโรมมิ่ง เนื่องจากนักท่องเที่ยวต่างชาติลดลงค่อนข้างมาก แต่เชื่อว่าครึ่งหลังปี 53 จะฟื้นตัวขึ้น หลังจากสถานการณ์ในประเทศเริ่มคลี่คลาย ต่างชาติจะกลับมาเหมือนเดิม
ขณะที่ทิศทางของบริษัทในระยะต่อไปจะเน้นการเติบโตด้านการให้บริการอินเตอร์เน็ตไร้สาย ซึ่งสอดคล้องกับการเติบโตของโทรศัพท์สมาร์ทโฟนที่ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาเพิ่มเติมในส่วนของโทรศัพท์มือถือไอโฟน และการปรับทีมผู้บริหารเพื่อเตรียมความพร้อมรองรับการเติบโตและการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจโทรคมนาคมที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
นายทรอเร่ กล่าวถึงการเข้ามารับหน้าที่ของ รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร(ไอซีที)คนใหม่ว่า ทางบริษัทเสนอแนะให้กระทรวงมีการจัดทำโรดแม็พอุตสาหกรรมโทรคมนาคมของไทยในระยะ 6 เดือน-1 ปี เพื่อที่บริษัทจะได้กำหนดทิศทางธุรกิจในอนาคตได้ เพราะที่ผ่านมากระทรวงไอซีทีไม่เคยจัดทำโรดแม็พมาก่อนเลย
นอกจากนี้ ยังต้องการเห็นความชัดเจนการแปลงสัมปทาน ซึ่งทางทรูมูฟจะหมดสัญญาสัมปทานเป็นรายแรกในปี 56 ดังนั้น จึงควรใช้โอกาสดังกล่าวแก้ไขสัญญาสัมปทานกับภาคเอกชนทุกรายให้เกิดความเท่าเทียมกันในการแข่งขัน