ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดบวก 38.54 จุด หลังหุ้นกลุ่มเทคโนฯดีดตัว

ข่าวหุ้น-การเงิน Saturday June 12, 2010 09:21 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กสามารถดีดขึ้นมาปิดในแดนบวกได้เมื่อคืนนี้ (11 มิ.ย.) หลังจากที่มีการเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐที่แข็งแกร่งขึ้น ซึ่งช่วยชดเชยยอดค้าปลีกที่อ่อนแอ ประกอบกับหุ้นเนชั่นแนล เซมิคอนดักเตอร์ คอร์ป ช่วยฉุดหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีให้เดินหน้า หลังจากที่บริษัทเปิดเผยกำไรและยอดขายที่เหนือกว่าการคาดการณ์ของตลาด

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวขึ้น 38.54 จุด หรือ 0.38% ปิดที่ 10,211.07 จุด ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 4.76 จุด หรือ 0.44% ปิดที่ 1,091.60 จุด และดัชนี Nasdaq พุ่งขึ้น 24.89 จุด หรือ 1.12% ปิดที่ 2,243.60 จุด

ทั้งนี้ ดัชนีหลักอ่อนตัวลงในช่วงเปิดตลาด หลังจากที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกร่วงลง 1.2% ในเดือนพฤษภาคม ซึ่งเป็นการปรับตัวลดลงมากที่สุดในรอบ 8 เดือน และสวนทางกับที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์เอาไว้ว่าจะปรับตัวขึ้น 0.4%

ยอดค้าปลีกที่ลดลงอย่างพลิกความคาดหมายนี้ได้จุดปะทุให้เกิดความวิตกกังวลครั้งใหม่เกี่ยวกับความแข็งแกร่งและความยั่งยืนของฟื้นตัวของเศรษฐกิจซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก เนื่องจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคถือเป็นองค์ประกอบสำคัญในการขับเคลื่อนการขยายตัวของเศรษฐกิจ โดยคิดเป็นสัดส่วนถึงประมาณ 70% ของกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั้งหมดของสหรัฐ

อย่างไรก็ดี หลังจากที่มีการเปิดเผยยอดค้าปลีกไม่นานนัก รอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนก็ได้เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนมิ.ย. ซึ่งปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 75.5 จากระดับ 73.6 ในเดือนพ.ค. ถือเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. 2551 และมากกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ 74.5

โดยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคได้ช่วยบรรเทาความวิตกกังวลของนักลงทุนในช่วงเช้า และพยุงให้ตลาดกลับมาเคลื่อนไหวในแดนบวกได้ โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ปรับตัวขึ้นคึกคักในช่วง 25 นาทีสุดท้ายของการซื้อขาย นำโดย เนชั่นแนล เซมิคอนดักเตอร์ คอร์ป ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปที่ใช้ในแบล็กเบอร์รีและผลิตภัณฑ์ของแอปเปิล

หุ้นของบริษัทพุ่งขึ้น 5% หลังจากที่รายงานผลกำไรและรายได้จากการขายที่เป็นที่พอใจของตลาด พร้อมคาดการณ์แนวโน้มที่สดใสขึ้นจากเดิมที่ย่ำแย่เมื่อปี 2552

ไมโครซอฟท์ คอร์ป ผู้ผลิตซอฟท์แวร์รายใหญ่ที่สุดของโลก เพิ่มขึ้น 2.6%

ขณะที่หุ้นบีพีเดินหน้าขึ้นเป็นวันที่สอง เนื่องจากนักลงทุนเข้าช้อนซื้อหุ้นบีพีเพื่อเก็งกำไรหลังจากที่ราคาร่วงลงในช่วงหลายวันที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนบางรายยังมองว่า ตลาดจะยังคงผันผวน เพราะยังมีหลายประเด็นที่ยังไม่กระจ่าง ทั้งปัญหาหนี้ในยุโรปและสถานการณ์น้ำมันรั่วไหลของบีพี

โดยล่าสุด มีรายงานข่าวว่า คณะกรรมการของบริษัทบีพีจะประชุมกันในวันจันทร์นี้เพื่อหารือเกี่ยวกับการระงับการจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้น และจากนั้นผู้บริหารของบริษัทจะเดินทางไปเข้าพบประธานาธิบดีบารัค โอบามาตามคำเชิญของรัฐบาลสหรัฐในวันพุธ

ทั้งนี้ พลเรือเอก แท็ด อัลเลน แห่งหน่วยยามฝั่งของสหรัฐ ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานที่ดูแลเรื่องน้ำมันรั่ว ได้ส่งจดหมายถึงคาร์ล-เฮนริค สแวนเบิร์ก ประธานกรรมการบริษัทบีพี ที่สำนักงานใหญ่ของบริษัทในกรุงลอนดอน เพื่อขอให้สแวนเบิร์กและผู้แทนที่เหมาะสมของบริษัทเดินทางมายังสหรัฐเพื่อประชุมหารือเรื่องการจัดการรับมือของบีพีต่อเหตุการณ์น้ำมันรั่วไหลในอ่าวเม็กซิโก ร่วมกับเจ้าหน้าที่อาวุโสของรัฐบาลสหรัฐในวันที่ 16 มิ.ย.นี้ โดยอัลเลนเผยว่า โอบามาจะเข้าร่วมในช่วงหนึ่งของการประชุม

การประชุมครั้งนี้จะมีขึ้นในขณะที่บริษัทพลังงานสัญชาติอังกฤษกำลังถูกกดดันอย่างหนักจากรัฐบาลสหรัฐให้ระงับการจ่ายเงินปันผล เพื่อนำเงินมาจ่ายค่าทำความสะอาดคราบน้ำมันและความเสียหายทางเศรษฐกิจ อันเนื่องมาจากเหตุแท่นขุดเจาะของบีพีระเบิดจนสร้างหายนะทางสิ่งแวดล้อมครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ