นายวีระ เหล่าวิทวัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.โรงพิมพ์ตะวันออก(EPCO)เปิดเผยกับ "อินโฟเควสท์"ว่า คาดว่ากำไรสุทธิของบริษัทในไตรมาส 2/53 จะเติบโตกว่าไตรมาส 1/53 ที่มีกำไร 29.78 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทมียอดขายเติบโตขึ้นจากงานพิมพ์ที่มีปริมาณเพิ่มมากขึ้นในช่วงเปิดเทอม โดยเฉพาะงานพิมพ์แบบเรียน
ประกอบกับ บริษัทมีต้นทุนกระดาษที่ราคาถูกกว่าราคาตลาดในปัจจุบันที่ราคาปรับเพิ่มขึ้นมาสูง ทำให้บริษัทมีกำไรเพิ่มขึ้น เพราะสามารถทำราคาขายได้ดีขณะที่ต้นทุนต่ำ
ดังนั้น บริษัทจึงคาดว่าทั้งปี 53 กำไรสุทธิจะเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 20% ขณะที่รายได้เติบโต 10%
อย่างไรก็ตาม ในช่วงครึ่งปีแรกเชื่อว่าธุรกิจยังคงเติบโตต่อเนื่องและยังคงเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ เพราะตัวเลขทางเศรษฐกิต่างๆ อาทิ ตัวเลขการส่งออกที่เริ่มกลับมาดีขึ้น แต่บริษัทยังคงกังวลปัจจัยด้านการเมืองที่ยังคงมีความไม่แน่นอนสูง เสถียรภาพรัฐบาลไม่ดีนัก บริษัทจึงยังไม่การปรับประมาณการรายได้และกำไรแม้ครึ่งปีแรกบริษัทจะทำผลประกอบการออกมาดีมาก
"ผลประกอบการบริษัทในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ออกมาดีมาก กำไรสุทธิดีเราจึงประกาศจ่ายปันผลงวดผลประกอบการ 3 เดือนแรกของปีที่ 0.06 บาทต่อหุ้นไม่เกี่ยวข้องกับการเข้ามาถือหุ้นของกลุ่มผู้ถือหุ้นใหม่แต่อย่างใด เน้นให้ผลตอบแทนกับนักลงทุนรายย่อยมากกว่า"นายวีระ กล่าว
เช้านี้ EPCO แจ้งว่าคณะกรรมการบริษัทมีมติจ่ายปันผลระหว่างกาลงวดไตรมาส 1/53 อัตรา 0.06 บาท/หุ้น ขณะที่ผู้ถือหุ้นใหญ่ 2 รายตกลงที่จะขายหุ้นไม่เกิน 40% ให้กับ บมจ.ซันไชน์ คอร์เปอเรชั่น(SSE)ในราคาหุ้นละ 2.00 บาท
นายวีระ กล่าวว่า การเข้ามาถือหุ้นของ SSE เป็นการติดต่อกับกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่โดยตรง โดยเฉพาะผู้ถือหุ้นที่เป็นกองทุนนั้น มีระยะเวลาการลงทุนที่ชัดเจนเมื่อรับผลตอบแทนแล้วและครบกำหนดเวลาก็จะขายหุ้นออกไป ส่วนการสรุปโครงสร้างผู้ถือหุ้นและการบริหารคงต้องรอสิ้นเดือน ก.ค.นี้ กว่าที่กระบวนการต่างๆจะเสร็จสิ้น
"ผมไม่มีหุ้นในบริษัทเลยเป็นเพียงผู้บริหารเท่านั้น ผมยังคงทำหน้าที่บริหารถ้า SSE เข้ามา ส่วนจะปรับเปลี่ยนโครงสร้างการบริหารหรือไม่ผมก็ไม่สามารถตอบได้ แม้ว่า SSE ไม่เคยทำธุรกิจด้านโรงพิมพ์ แต่เชื่อว่ากลุ่มนี้จะเข้ามาลงทุนระยะยาวและเท่าที่ทราบก็มี connection ด้านงานพิมพ์ด้วย"นายวีระ กล่าว