นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวยอมรับว่ามีความเป็นไปได้ซื้อดาวเทียมไทยคมคืนจากกลุ่มเทมาเซคของสิงคโปร์ เพื่อที่รัฐบาลไทยจะนำดาวเทียมสื่อสารไทยคมมาบริหารจัดการเอง โดยคำนึงถึงเหตุผลด้านความมั่นคงเป็นหลัก ซึ่งทางเทมาเซคเองเมื่อครั้งที่เข้ามาซื้อกิจการ บมจ.ชิน คอร์ปอเรชั่น(SHIN)ก็บอกไว้ว่าไม่ได้ตั้งใจซื้อกิจการดาวเทียมของไทย
ขณะนี้ได้มอบหมายให้กระทรวงการคลัง ไปดำเนินการเจรจาการซื้อกิจการดังกล่าว ซึ่งจะต้องยึดหลักความโปร่งใส โดยเฉพาะในเรื่องราคา
"ผมคิดว่ามีความเป็นไปได้ ทางกระทรวงการคลังก็กำลังพิจารณาอยู่ เหตุผลเราคำนึงถึงผลกระทบในเรื่องของดาวเทียม ก็เป็นเหตุเป็นผล แต่เราต้องดูว่าถ้าดำเนินการซื้อต้องมีความโปร่งใสในเรื่องของราคาและเงื่อนไขต่างๆ"นายอภิสิทธิ์ กล่าว
นายกรัฐมนตรี ระบุต่อว่า หากมีการซื้อมาได้จริง รัฐบาลก็คงต้องพิจารณาว่าจะให้หน่วยงานหรือองค์กรใดเป็นผู้ดูแลบริหารจัดการ
อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรี ปฏิเสธถึงกรณีมีกระแสข่าวว่าจะใช้เงินในการซื้อดาวเทียมใทยคมถึง 5 พันล้านบาท โดยชี้แจงว่าเรื่องนี้ให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาในเงื่อนไขด้านราคา
ด้านนายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) กล่าวแถลงภายหลังเข้าทำงานวันแรกว่า กรณีสัญญาสัมปทานดาวเทียมไทยคมของบมจ.ไทยคม (THCOM) กับสัญญาสัมปทานของเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ของบมจ.แอดวานซ์ อินโฟเซอร์วิส (ADVANC) ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลของคณะกรรมการมาตรา 22 ซึ่งขอเวลา 21 วัน เพื่อสรุปความเสียหายทั้งทางแพ่งและทางอาญา โดยจะเสนอกลับมาที่ตน และจากนั้นจะนำข้อสรุปกับนายกรัฐมนตรีและกระทรวงการคลังซึ่งยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะเสร็จเมื่อไร ซึ่งอาจต้องใช้เวลา 1-2 เดือน
"ถ้ามีข้อสรุปได้ก็ต้องคุยกับกระทรวงการคลังก่อนเพราะว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นเกิดก่อนการพิจารณาคดียึดทรัพย์ด้วย และต้องหารือกับนายกรัฐมนตรีด้วยว่าจะดำเนินการอย่างไร"
ส่วนเรื่องเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการ คือ ต้องการเห็นโครงการธุรกรรมอิเลคทรอนิกส์ซึ่งโครงการนี้มูลค่ามหาศาลจึงต้องการให้สำเร็จเร็วที่สุดเพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นในระบบอิเลคทรอนิกส์จึงต้องการให้เกิดขึ้นภายใน 4 เดือนที่ตนยังคงดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีแต่ปกติโครงการลักษณะนี้คาดว่าใช้เวลา 12 เดือนจึงแล้วเสร็จ
นอกจากนี้ ยังเร่งงานด้านอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงไร้สายให้เข้าถึงประชาชนในระดับหมู่บ้านให้ได้ภายใน 1 ปี โดยให้การสื่อสารแห่งประเทศไทย (CAT)และ องค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย (TOT) เป็นผู้ดำเนินการ โดยตั้งเป้าไว้ว่าประชาชนสามารถใช้อินเทอร์เน็ตขนาด 2 Mp โดยคิดราคา 150 บาทต่อเดือน