แหล่งข่าวจาก บมจ.คอมพาสส์ อีสต์ อินดัสตรี้ (ประเทศไทย)(CEI) เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรเพื่อศึกษาการลงทุนในธุรกิจพลังงานธรรมชาติ หลังจากยกเลิกธุรกิจการผลิตเครื่องชุบเคลือบผิว และล่าสุดได้ตัดสินใจชะลอแผนลงทุนธุรกิจเหมืองแร่ออกไป แต่ยอมรับว่าการศึกษาธุรกิจใหม่คงยังไม่ได้ข้อสรุปในเร็ว ๆ นี้
"ธุรกิจพลังงานธรรมชาติมีแผนที่จะทำ กำลังคุยกับพันธมิตร แต่ยังไม่มีกรอบเวลา หรือแนวทางที่ชัดเจน แต่หากมีความคืบหน้าจะแจ้งให้ทราบ" แหล่งข่าว กล่าว
เช้านี้ CEI รายงานผ่านตลาดหลักทรัพย์ถึงการยกเลิกธุรกิจการผลิตเครื่องชุบเคลือบผิว(HORIZONTAL PLATING MACHINES) เพื่อใช้ในแผงวงจรอิเล็คโทรนิคสำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้าทั่วไป โดยได้ส่งกลับคืนเครื่องจักรให้แก่เจ้าหนี้ในต่างประเทศ เนื่องจากมองว่าเป็นธุรกิจที่ไม่คุ้มค่ากับการลงทุน
แหล่งข่าว กล่าวว่า ผู้เสนอจัดทำโครงการนี้มีการนำเข้าเครื่องจักร แต่ไม่มีการส่งคำสั่งซื้อมาให้ จึงทำให้การดำเนินธุรกิจเป็นไปได้ยาก แต่การยกเลิกธุรกิจดังกล่าวไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของบริษัท เนื่องจากยังไม่ได้เริ่มการลงทุนใดๆ หรือเริ่มการผลิตสินค้า มีแต่การติดตั้งเครื่องจักรและเริ่มทดลองเดินสายการผลิตเท่านั้น
"การยกเลิกธุรกิจดังกล่าวไม่ได้ส่งผลกระทบต่อบริษัท เพราะยังไม่มีเม็ดเงินลงทุน จะมีเพียงค่าใช้จ่ายเล็กน้อยจากการนำเข้าเครื่องจักรและการติดตั้งเท่านั้น" แหล่งข่าว กล่าว
ส่วนการชะลอแผนการลงทุนในธุรกิจเหมืองแร่ออกไป จากเดิมที่คาดว่าจะเริ่มลงทุนในภายในปีนี้ เนื่องจากสถานการณ์ในประเทศไม่เอื้ออำนวย ทำให้ผู้บริหารของบริษัท ซึ่งเป็นนักลงทุนจากไต้หวัน มีความกังวลว่าหากมีการลงทุนในช่วงนี้อาจจะมีปัญหาได้ เพราะปัญหาการเมืองในประเทศยังไม่ชัดเจน ประกอบกับ กรอบการลงทุนดังกล่าวยังอยู่ในช่วงการเจรจากับพันธมิตรร่วมทุนในประเทศ ดังนั้นจึงต้องรอดูสถานการณ์อีกระยะ
"ธุรกิจเหมืองแร่ที่จะทำในประเทศ คงต้องขอรอดูอีกสักพัก เพราะผุ้บริหารที่เป็นชาวต่างชาติยังกลัว เพราะการเมืองในประเทศยังไม่ชัด และตอนนี้อยู่ในช่วงการเจรจากับพันธมิตร รวมถึงการกรอบการลงทุน"แหล่งข่าว กล่าว
สำหรับผลประกอบการในปี 53 คาดว่าบริษัทจะพลิกกลับมามีกำไรได้ โดยรายได้น่าจะทรงตัวใกล้เคียงปี 52 และปีนี้บริษัทไม่มีผลขาดทุนจากบริษัทย่อย โดยคาดว่าในปีนี้รายได้หลักจะมาจากธุรกิจที่บริษัทเข้าไปลงทุนในบริษัท แหล่งน้ำสยาม ขณะนี้รอดูผลประกอบการคาดว่าน่าจะอยู่ในระดับที่น่าพอใจ
ส่วนธุรกิจการนำเข้าพัดลมมาจำหน่ายนั้น ในปีนี้จะมีการอัดโปรโมชั่นต่างๆ โดยการนำสินค้าค้างสต็อกมาลดราคาขายผ่านตัวแทนจำหน่าย เช่น โฮมโปร และ โฮมเวิร์ค คาดว่าจะทำให้มีบริษัทมีรายได้เพิ่มมากขึ้นในไตรมาส 4/53 ส่วนธุรกิจนำเข้ากระบื้อง ยอมรับว่ายังมีปัญหากับแหล่งซัพพลายเออร์ต่างประเทศ ทำให้รายได้จากธุรกิจดังกล่าวปีนี้อาจจะเงียบเหงาไปในปีนี้