ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดลบ 20.18 จุด หลังมูดีส์หั่นเครดิตพันธบัตรรัฐบาลกรีซ

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday June 15, 2010 06:39 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (14 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้สาธารณะในยุโรป หลังจากมูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ประกาศลดลดอันดับความน่าเชื่อถือพันธบัตรารัฐบาลของกรีซ ขณะที่หุ้นกลุ่มการเงินร่วงลงเนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับร่างกฎหมายปรับโครงสร้างการเงินที่สภาคองเกรสกำลังอภิปรายอยู่ในขณะนี้ ส่วนหุ้นกลุ่มพลังงานดิ่งลงเนื่องจากปัญหาน้ำมันรั่วไหลในอ่าวเม็กซิโก ซึ่งเป็นผลมาจากแท่นขุดเจาะน้ำมันของบริษัทบีพีระเบิดตั้งแต่ช่วงปลายเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดลบ 20.18 จุด หรือ 0.20% แตะที่ 10,190.89 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 1.97 จุด หรือ 0.18% ปิดที่ 1,089.63 จุด และดัชนี Nasdaq บวก 0.36 จุด หรือ 0.02% ปิดที่ 2,243.96 จุด

ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 7.99 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 3 ต่อ 2 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 9.65 พันล้านหุ้น

ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงกดดันจากกระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้สาธารณะในยุโรปอีกครั้ง หลังจากมูดีส์ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือพันธบัตรรัฐบาลกรีซลง 4 ขั้น สู่ระดับ Ba1 จากระดับ A3 โดยอันดับความน่าเชื่อถือที่ Ba1 ถือเป็นระดับ "ขยะ" หรือ "ระดับที่ไม่น่าลงทุน" เนื่องจากมูดีส์ไม่มั่นใจว่ารัฐบาลกรีซจะสามารถดำเนินมาตรการรัดเข็มขัดและปฏิรูปการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพเหมือนกับที่ประกาศไว้ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา

นักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหนี้กรีซ แม้กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) และสหภาพยุโรป (อียู) แสดงความเชื่อมั่นว่า กรีซจะสามารถรับมือกับวิกฤตการณ์การเงินได้

ทั้งนี้ มูดีส์เป็นสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือรายล่าสุดที่ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือพันธบัตรของกรีซ หลังจากเมื่อวันที่ 27 เม.ย.ที่ผ่านมา สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ และ ฟิทช์ เรทติ้งส์ ได้ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือพันธบัตรของกรีซไปแล้ว รวมทั้งให้แนวโน้มเป็นลบ

หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลงเนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับร่างกฎหมายปรับโครงสร้างการเงินที่สภาคองเกรสกำลังอภิปรายอยู่ในขณะนี้ โดยนักวิเคราะห์มองว่าร่างกฎหมายฉบับดังกล่าวอาจทำให้ภาคการเงินของสหรัฐ รวมทั้งธนาคารพาณิชย์ ถูกบังคับใช้กฎหมายที่มีความเข้มงวดมากขึ้น ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของธนาคารด้วย ทั้งนี้ หุ้นเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ปิดร่วง 2% หุ้นโกลด์แมน แซคส์ ปิดลบ 1.6%

หุ้นกลุ่มพลังงานและหุ้นที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมพลังงานร่วงลงเนื่องจากปัญหาน้ำมันรั่วในอ่าวเม็กซิโก โดยหุ้นบีพีปิดร่วง 9.7% และหุ้นทรานส์โอเชียน ปิดลบ 4.4%

นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันอังคาร กระทรวงแรงงานจะเปิดเผยราคานำเข้าและส่งออกเดือนพ.ค. ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์คจะเปิดเผยดัชนีภาวะธุรกิจโดยรวม (Empire State Index) เดือนมิ.ย. ส่วนสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) จะเปิดเผยดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนมิ.ย.

วันพุธ กระทรวงพาณิชย์จะเปิดเผยข้อมูลการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนพ.ค. ขณะที่กระทรวงแรงงานจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนพ.ค. และเฟดจะเปิดเผยข้อมูลการผลิตในภาคอุตสาหกรรมและอัตราการใช้กำลังการผลิตเดือนพ.ค.

วันกระทรวงแรงงานจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ รวมทั้งดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนพ.ค. และสำนักงานคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด จะเปิดเผยดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐเดือนพ.ค. ส่วนวันศุกร์ไม่มีรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ