นายอนนต์ สิริแสงทักษิณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม(PTTEP) เปิดเผยเกี่ยวกับกรณีรัฐบาลออสเตรเลียสรุปความเสียหายและสิทธิในการดำเนินโครงการต่อในแหล่งมอนทารา( PTTEP ถือหุ้น 100%)ในวันที่ 18 มิ.ย.นี้ว่า ขณะนี้ยังไม่แน่ใจว่าทางการออสเตรเลียจะส่งผลสรุปมายังบริษัททันทีหรือไม่ เต่บริษัทเตรียมพร้อมรับมือกับผลที่จะออกมา ซึ่งได้วางแนวทางการจัดการไว้หลายแนวทาง แต่ขณะนี้ไม่สามารถประเมินหรือคาดการณ์ไปก่อนล่วงหน้าได้
"ถึงแม้ว่าเรามีแนวคิด หรือมีแผนอะไรเยอะแยะ แต่เราพูดอะไรไม่ได้ ...แน่นอน เป็นเรื่องที่เราต้องทำ ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไรเราจะต้องมีวิธีจัดการ แต่เราจะไปคาดเดาว่า อาจจะแรง หรืออาจจะเบา ก็พูดไม่ได้ ยังไม่รู้ว่าจะรู้ผลเมื่อไร ไม่รู้ว่าทางการออสเตรเลียจะมีแผนอะไรอย่างไร เราก็อยากจะรู้เหมือนกันก็พยายามประสานอยู่ เราก็ต้องรอฟังดู ซึ่งไม่แน่ใจว่าศุกร์นี้จะรู้หรือเปล่า" นายอนนต์ กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน PTTEP ยังคงวางเป้าหมายเดิมอยู่ ยังไม่ได้มีการปรับแผนงานเกี่ยวกับแหล่งมอนทาราที่คาดว่าจะเริ่มผลิตได้ ในกลางปีหน้า(54) กำลังการผลิตที่ระดับ 35,000 บาร์เรล/วัน
นายอนนต์ กล่าวว่า แม้ว่าผลสรุปความเสียหายแหล่งมอนทาราจะออกมาในวันศุกร์นี้ แต่ยังไม่มีใครรู้ว่าได้ว่ารายงานการสอบสวนข้อเท็จจริงดังกล่าวจะประกาศออกมาต่อสาธารณะหรือไม่ เมื่อใด แต่เชื่อว่ายังไม่น่าจะประกาศทันที ฉะนั้น จึงไม่อยากจะคาดเดาว่าผลจะออกมาหนักหรือเบา และเรื่องนี้เป็นเรื่องภายในระหว่างทีมสอบสวนกับรัฐบาลออสเตรเลีย หากคาดคะเนไปดูแล้วไม่น่าจะหมาะสม
"คนที่ออกมาพูดไม่ได้มีข้อมูล เพราะจริงๆแล้วไม่มีข้อมูลอะไรเลยขณะนี้ วันศุกร์นี้เป็นข้อมูลจากการสอบสวนข้อเท็จจริง และสรุปรายงานเสนอต่อทางการรัฐบาลออสเตรเลีย ...เราเองยังไม่เห็นข้อมูลเลย แล้วจะมีใครไปเห็น แล้วเราเที่ยวไปคาดเดาเอง น่าจะอย่างนั้นอย่างโน้น พูดไม่ได้ ....ไม่มีทางที่ใครจะรู้ เพราะเขาไม่เปิดเผย เราเองยังไม่ได้รับข้อมูลเลย แต่ช่วงนี้ผมพูดอะไรไม่ได้ เราก็จะไม่ไปพูดเพื่อไปชี้นำ ให้ทางการออสเตรเลียอึดอัด"นายอนนต์ กล่าว
ขณะเดียวกัน การเรียกค่าชดเชยความเสียหายจากบริษัทประกันภัยนั้น บริษัทได้ทยอยเรียกไปตั้งแต่ปีก่อน ขณะนี้ได้รับเงินชดเชยมาแล้วจำนวน 40 ล้านเหรียญสหรัฐ และปีนี้ได้เรียกไปตามค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง
สำหรับแนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 2/53 นายอนนต์ คาดว่า รายได้และกำไรจะออกมาสูงกว่าในไตรมาส 1/53 ที่มีรายได้รวม 34,474 ล้านบาท กำไรสุทธิ 10,471 ล้านบาท เนื่องจากปริมาณความต้องการใช้ก๊าซสูงขึ้นต่อเนื่อง แม้ว่าราคาน้ำมันในไตรมาสนี้จะผันผวนก็ตาม แต่ก็มองว่าเป็นเพียงระยะสั้น แต่ทั้งปี 53 ยังคงคาดว่าราคาน้ำมันเฉลี่ยอยู่ที่ 72 เหรียญ/บาร์เรล
"แนวโน้มไตรมาส 2 ผมก็ยังมองว่า น่าจะโอเค อย่างน้อยก็ไม่ขี้เหร่กว่าไตรมาส 1 จากปริมาณการใช้ก๊าซเติบโตต่อเนื่อง แม้ว่าราคาน้ำมันขึ้นลงมองว่าเป็นระยะสั้น แกว่งตัว แต่แนวโน้มก็ยังดูดี เรายังใช้ประมาณการเดิมว่าในปีนี้ราคาน้ำมันเฉลี่ยที่ 72 เหรียญ/บาร์เรล"นายอนนต์ กล่าว
ส่วนการปรับเป้าหมายปริมาณการขายปิโตรเลียมในปี 53 นายอนนต์ คาดว่าจะประกาศเป็นทางการหลังปิดงบไตรมาส 2/53 เพื่อจระรอการประเมินความแน่นอนของตลาดด้วย
อนึ่ง ในไตรมาสแรกที่ผ่านมา บริษัทมีปริมาณการผลิตและขายเกินกว่าเป้าหมายที่บริษัทกำหนดไว้ที่ระดับ 2.54 แสนบาร์เรล/วัน