นายเกรียงชัย บุญโพธิ์อภิชาติ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการการเงินและนักลงทุนสัมพันธ์ บมจ.ซี.พี.ออลล์(CPALL)เปิดเผยว่า ในการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นวันที่ 29 มิ.ย.บริษัทคาดว่าจะได้รับการอนุมัติวาระให้ทำรายการโอนสิทธิในหุ้นกู้แปลงสภาพของ Chia Tai Enterprises International Limited(CTEI)หลังจากการประชุมครั้งก่อนมีผู้งดออกเสียงจำนวนมากทำให้วาระดังกล่าวต้องตกไป
นายเกรียงชัย กล่าวว่า การโอนสิทธิในหุ้นกู้แปลงสภาพดังกล่าวให้กับเครือเจริญโภคภัณฑ์ได้ทั้ง 100% ภายในไตรมาส 3/53 เพื่อลดภาระของโลตัสจีน หากผู้ถือหุ้นอนุมัติก็จะส่งผลดีต่อบริษัททำให้มีเงินเข้ามาเพิ่มในกระแสเงินสดให้มากขึ้น โดยคาดว่าจะได้รับเงินประมาณ 4.1 พันล้านบาทในช่วงไตรมาส 3/53 นี้
"เชื่อว่าถ้าการประชุมครั้งนี้ผ่านบริษีทจะได้รับผลดี กระแสเงินสดจะเพิ่มขึ้นกว่าเดิม จากที่เคยเป็นแค่กระดาษก็จะกลายเป็นเงิน และภาพที่เราเคยมีภาระจากโลตัตจีนก็จะดีขึ้นเรื่อยๆ ถึงแม้ตอนนี้ไม่มีภาระตรงนี้แล้วก็ตาม "นายเกรียงชัย กล่าว
อนึ่ง หุ้นกู้แปลงสภาพ (Convertible Bond หรือ CB)ดังกล่าวออกโดย CTEI ซึ่งสามารถแปลงเป็นหุ้นสามัญของ CTEI ที่ถือโดย CPALL และ Lotus Distribution Investment Limited (LDI) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ CPALL จำนวนมูลค่าหน้าตั๋ว CB เท่ากับ 1,519.9 ล้านเหรียญฮ่องกง เป็นการลงทุนในหุ้นบุริมสิทธิ์แปลงสภาพที่สามารถแปลงเป็นหุ้นสามัญของ CTEI ได้ในจำนวน 3,897,110,334 หุ้น
ทั้งนี้ คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติขออนุมัติให้ CPALL และ LDI ใช้สิทธิขายหุ้นบุริมสิทธิ์แปลงสภาพของ CTEI ทั้งหมดให้แก่ CPH ทันทีหลังจากได้หุ้นบุริมสิทธิแปลงสภาพของ CTEI แล้ว ที่ราคา 0.248 เหรียญฮ่องกงต่อหุ้น และจะได้รับชำระราคาค่าหุ้นบุริมสิทธิ์แปลงสภาพดังกล่าวเป็นเงินสด 966.5 ล้านเหรียญฮ่องกง หรือประมาณ 4,100 ล้านบาท
ส่วนผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นจากการชุมนุมทางการเมืองในช่วงเดือน เม.ย.-พ.ค.นั้น นายเกรียงชัย กล่าวว่า บริษัทยังมั่นใจว่ารายได้ทั้งปี 53 จะยังคงเติบโตได้ 10-15% ตามเป้าหมาย ถึงแม้จะมีสาขาราว 50 แห่งที่ได้รับผลกระทบ แต่ก็คิดเป็นไม่ถึง 1% ของยอดขายของบริษัท และจะมีผลมากนักต่อการดำเนินงานในไตรมาส 2/53 ด้วย เพราะถือว่าน้อยมาก
"ตอนนี้เราได้ให้ฝ่ายบัญชีอยู่ระหว่างประเมินผลกระทบที่แกิดขึ้นซึ่งรวมถึงการทำประกันภัยของแต่ละแห่งด้วย แต่ความเสียหายก็ไม่ได้มากเพราะแต่ละสาขาก็ใช้งบฯไม่ถึง 1 ล้านบาท"นายเกรียงชัย กล่าว
ขณะเดียวกันบริษัทก็ยังเดินหน้าในการลงทุนและขยายสาขาไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในแง่คลังสินค้าในต่างจังหวัดเพิ่มเติมอีก โดยขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณาทำเลโซนภาคเหนือ จากก่อนหน้านี้ที่ได้มีการพัฒนาไปแล้ว 2 แห่ง ซึ่งก็จะรวมเป็น 3 แห่ง ล่าสุดที่ขอนแก่นจะพร้อมดำเนินการได้ในไตรมาส 4/53 ซึ่งทั้ง 3 แห่งดังกล่าวคิดเป็นเงินลงทุน 1.5 พันล้านบาท
ส่วนการขยายสาขาก็ยังคงเป็นไปตามแผนเดิมที่ 450 สาขาภายในปีนี้ จากปัจจุบันมีอยู่ 4.5-5.0 พันสาขา