ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกติดต่อกัน 6 วันทำการเมื่อคืนนี้ (16 มิ.ย.) หลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษเปิดเผยอัตราว่างงานในอังกฤษปรับตัวลดลงในช่วงเดือนม.ค.-มี.ค. นอกจากนี้ นักลงทุนยังเข้าซื้อเก็งกำไรหุ้นกลุ่มพลังงาน รวมถึงหุ้นบีจี กรุ๊ป และหุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ แต่หุ้นบีพีร่วงลงเนื่องจากข่าวบีพีเตรียมจ่ายเงินจำนวนมากเพื่อชดเชยความเสียหายจากเหตุการณ์น้ำมันรั่วครั้งใหญ่ในอ่าวเม็กซิโก
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ดัชนี FTSE 100 บวก 20.10 จุด หรือ 0.39% ปิดที่ 5,237.92 จุด ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 18 พ.ค.ที่ผ่านมา
ตลาดหุ้นลอนดอนดีดตัวขึ้นขานรับรายงานของสำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษที่ระบุว่า อัตราว่างงานของอังกฤษในช่วง 3 เดือนจนถึงเดือนเม.ย. ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 7.9% จากระดับ 8.0% ในช่วงเดือนม.ค.-มี.ค. ขณะที่จำนวนคนว่างงานในอังกฤษมีอยู่ทั้งสิ้น 2.472 ล้านคน จากระดับ 2.51 ล้านคนในไตรมาสแรก
ขณะที่จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการระหว่างว่างงานในเดือนพ.ค. ลดลง 30,900 คน มาอยู่ที่ 1.48 ล้านคน ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 14 เดือน
หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก และเป็นปัจจัยสำคัญที่หนุนดัชนี FTSE 100 ปิดในแดนบวก โดยหุ้นบีจี กรุ๊ป ปิดพุ่ง 2.1% หุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ ปิดบวก 1.7% แต่หุ้นบีพีปิดร่วง 1.5% หลังจากบริษัทบีพีประกาศจัดสรรเงินมูลค่า 2.0 หมื่นล้านดอลลาร์เข้าสู่กองทุนชดเชยความเสียหายจากเหตุการณ์น้ำมันรั่ว ภายหลังจากผู้บริหารของบีพีเสร็จสิ้นการประชุมร่วมกับประธานาธิบดีบารัค โอบามา ที่ทำเนียบขาว
นอกจากนี้ บีพีประกาศยกเลิกการจ่ายเงินปันผลมูลค่ารวม 2.6 พันล้านดอลลาร์สำหรับงวดที่มีกำหนดจ่ายในวันที่ 21 มิ.ย. รวมทั้งไม่ได้ประกาศว่าจะมีการจ่ายเงินปันผลสำหรับไตรมาสที่ 2 และ 3
หุ้นรอยัล แบงก์ ออฟ สก็อตแลนด์ ปิดพุ่ง 2.2% จากข่าวที่ว่าธนาคารอาบู ดาบี คอมเมอร์เชียล แบงก์ ทำข้อตกลงซื้อธุรกิจสินเชื่อรายย่อยของรอยัล แบงค์ ออฟ สก็อตแลนด์ สาขาสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ มูลค่า 100 ล้านดอลลาร์ ส่วนหุ้นธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ดีดขึ้น 1.8 % และหุ้นลอยด์ส แบงกิง กรุ๊ป ปิดบวก 0.3%