นายปิยะสวัสดิ์ อัมระนันทน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ. การบินไทย (THAI) คาดว่า จะเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนได้ในช่วงไตรมาส 3 ปีนี้ โดยในวันพรุ่งนี้ (18 มิ.ย.) จะมีการนำรายละเอียดเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทพิจารณา คาดว่าหุ้นเพิ่มทุนของบริษัทจะได้รับการตอบรับที่ดีจากตลาด เนื่องจากสถานการณ์การเดินทางเริ่มปรับตัวดีขึ้นแล้วหลังจากการชุมนุมยุติไป
นายปิยะสวัสดิ์ กล่าวว่า ในช่วงเดือนมิ.ย.นี้ พบว่าอัตราการการจองที่นั่งล่วงหน้าปรับตัวขึ้นมาดีกว่า 60% แล้ว และคาดว่าในช่วงไตรมาส 2/53 อัตราส่วนบรรทุกผู้โดยสาร(Cabin Factor)จะอยู่ที่เฉลี่ยประมาณ 60% โดยในช่วงเดือน เม.ย.อยู่ที่ 72% ต่อมาในเดือน พ.ค.ลดลงมาเหลือ 56.8% และช่วงต้นเดือน มิ.ย.ดีขึ้นมาที่ 59% เนื่องจากผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้น
ส่วนการเปิดให้บริการเส้นทางโจฮันเนสเบิร์ก เพื่อรองรับเทศกาลบอลโลกในช่วงนี้นั้น พบว่าอัตราส่วนการบรรทุกผู้โดยสารเป็นที่น่าพอใจอยู่ที่ประมาณ 75% และหลังจบเทศกาลฟุตบอลโลกจะกระตุ้นเส้นทางดังกล่าวต่อไป รวมทั้งมีแผนที่จะเปิดเส้นทางบินเพิ่มที่เคปทาวน์ ซึ่งอยู่ระหว่างการขออนุญาตทำการบิน
สำหรับมาตรการของภาครัฐที่ใช้มาตรการภาษีกระตุ้นการท่องเที่ยว มองว่าจะช่วยให้การเดินทางท่องที่ยวในประเทศมีมากขึ้น แต่คงไม่ได้ดีขึ้นมากนัก เพราะอัตราที่ให้ลดหย่อนยังมีน้อย
ด้านแหล่งข่าวจากบมจ.การบินไทย กล่าวว่า ตามแผนการบินไทย ต้องการเม็ดเงินจากการเพิ่มทุนในเดือนก.ย.นี้ ดังนั้นเมื่อปิดบัญชีผลประกอบการไตรมาส 2/53 การบินไทยก็ต้องเร่งดำเนินการตามแผนเพิ่มทุน ซึ่งการบินไทยค่อนข้างมีความมั่นใจว่านักลงทุนจะให้ความสนใจหุ้นเพิ่มทุนของการบินไทย โดยจะเน้นตลาดนักลงทุนต่างประเทศเป็นหลัก เพราะเชื่อว่านักลงทุนต่างประเทศยังมีเม็ดเงินที่พร้อมลงทุน ประกอบกับการบินไทยมีจุดเด่นที่เป็นสายการบินแห่งชาติที่ดำเนินการมากว่า 50 ปี และยังมีผลประกอบการเติบโตต่อเนื่อง
ขณะเดียวกัน ประเทศไทยยังมีความได้เปรียบเรื่องของสถานที่ท่องเที่ยวและภูมิประเทศที่สามารถเดินทางเชื่อมต่อเส้นทางต่างๆ ได้สะดวก และแม้ว่าผลประกอบการไตรมาส 2 อาจจะไม่ดีนัก แต่ก็มั่นใจว่านักลงทุนจะมองภาพรวมของธุรกิจการบิน ซึ่งปกติไตรมาส 2-3 เป็นช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยว ขณะที่ไตรมาส 1 และ 4 จะเป็นช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว ซึ่งจะมีผลประกอบการที่ดี