รมว.คลัง ระบุต้องรอความชัดเจนประเด็นข้อกฎหมายเกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจของบมจ.ไทยคม(THCOM) ภายใต้สัญญาสัมปทานกับรัฐ กรณีที่มีการตรวจสอบประเด็นทำผิดสัญญา 4 ข้อทั้งการยิงดาวเทียมไอพีสตาร์, ดาวเทียมไทยคม 5, การแก้ไขสัดส่วนถือหุ้น รวมทั้ง การใช้เงินสินไหมชดเชยโดยพลการ
ทั้งนี้ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) จะเข้าไปตรวจสอบประเด็นกฎหมายดังกล่าวก่อนส่งมาให้กระทรวงการคลัง พิจารณา จากนั้นจึงจะตัดสินใจว่าจะเดินหน้าจะซื้อ THCOM หรือไม่อย่างไร
"ณ เวลานี้เรายังประเมินมูลค่าที่ชัดเจนไม่ได้ ต้องมีคำตอบเรื่องนี้ก่อน เพราะมีนัยสำคัญต่อมูลค่ากิจการดาวเทียมของไทยคม" นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง กล่าวหลังการหารือกับ นายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.ไอซีที บ่ายว้นนี้
นายกรณ์ กล่าวว่า จากที่ตนและทีมงานก.คลังได้ศึกษาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ THCOM ในรายละเอียดเพิ่มเติม เพื่อที่จะดำเนินการในกรณีที่รัฐบาลจะเข้าไปซื้อกิจการดาวเทียมกลับคืนมาด้วยเหตุผลเรื่องความมั่นคงเป็นหลัก ซึ่งส่วนหนึ่งที่ประเมินความเป็นไปได้นอกเหนือจากมูลค่าราคาแล้ว ก็ยังมีเรื่องเกี่ยวกับกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ดังนั้นวันนี้จึงได้แจ้งต่อรมว.ไอซีทีถึงประเด็นข้อกฎหมายที่จะต้องมีข้อชัดเจนก่อนที่ทางการจะตัดสินใจได้ว่าควรจะเดินหน้าในเรื่องนี้อย่างไร
ทั้งนี้ประเด็นปัญหาส่วนใหญ่มาจากคำพิพากษาของศาลฎีกาคดีอาญาแผนกนักการเมืองในกรณีการยึดทรัพย์ของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ได้พูดถึง THCOM (ชื่อเดิม บมจ.ชินแซทเทิลไลท์) ที่ได้พูดถึงการแก้ไขสัมปทานที่มีการอนุมัติโดยรัฐบาลทักษิณเอง ให้ SHIN สามารถลดสัดส่วนการถือครองหุ้น THCOM จาก 51% ลงเหลือ 42% ได้ ซึ่งทางศาลฯได้มีคำพิพากษาชัดเจนว่าเป็นการแก้สัญญาทีเป็นการเอื้อประโชน์ให้กับบมจ.ชินคอร์ปอเรชั่น (SHINป ซึ่งเป็นประเด็นที่ทาง ก.ไอซีทีต้องไปพิจารณาผ่านทางคณะกรรมการมาตรา 22 ต่อไปว่าจะมีผลในการดำเนินการต่อไป รวมถึงการแก้ไขให้ถูกต้องตามสัญญาสัมปทานเดิมหรือไม่
ประเด็นถัดมา เป็นประเด็นเรื่องค่าสินไหมชดเชยที่ THCOM ได้รับจำนวน 6 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่ไม่ได้นำเข้าก.คลังตามสัญญาสัมปทาน แต่นำเงินดังกล่าวไปใช้ในการซื้อหรือเช่าดาวเทียมโดยพลการ ซึ่งประเด็นนี้ก็เป็นอีกประเด็นหนึ่งที่ทางก.ไอซีทีต้องแสดงความคิดเห็นที่ชัดเจนว่าจะดำเนินการแก้ไขให้ถูกต้องอย่างไร
ประเด็นที่ 3 คือเรื่องดาวเทียมไอพีสตาร์ การดำเนินการไม่ได้เป็นไปตามสัญญาสัมปทาน ถือว่าเป็นดาวเทียมนอกระบบ เพราะ THCOM ไม่มีสิทธิยิงดาวเทียมไอพีสตาร์ตั้งแต่แรก ซึ่งเรื่องนี้ ก.ไอซีทีต้องมีคำตอบให้กับก.คลัง จึงจะพิจารณาได้ว่าจะซื้อหรือไม่ ถ้าซื้อจะต้องรวมมูลค่าของไอพีสตาร์หรือไม่ และจะมีผลต่อราคาธุรกิจดาวเทียมภายใต้ THCOM
และประเด็นสุดท้าย คือ ดาวเทียมไทยคม 5 ซึ่งเป็นข้อสังเกตุของก.คลังให้ ก.ไอซีทีไปตรวจสอบเพิ่มเติม ว่าเป็นการยิงดาวเทียมถูกต้องตามสัญญาสัมปทานหรือไม่
"เพราะฉะนั้นทั้ง 4 ประเด็น เป็นประเด็นทางกฎหมายที่ต้องมีความชัดเจนให้กับกระทรวงการคลังก่อนที่กระทรวงการคลังจะตัดสินใจว่ามีแนวทางทางในการเดินเรื่องนี้อย่างไร" รมว.คลัง กล่าว
อย่างไรก็ตาม ระยะเวลาการตรวจสอบประเด็นข้อกฎหมายดังกล่าว ขึ้นกับก.ไอซีที ซึ่งก.ไอซีทีได้พูดมาแล้วว่าบางเรื่องก็สามารถหาคำตอบได้ภายใน 21 วัน
นายกรณ์ กล่าวว่า หากได้รับทราบผลที่ชัดเจนในประเด็นข้อกฎหมายข้างต้น จึงจะเสนอต่อนายกรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาต่อไป ทั้งนี้การเจรจาซื้อขายกิจการดาวเทียม THCOM กับเทมาเส็ค ก็ต้องเจรจาบนพื้นฐานเชิงพาณิชย์ เพื่อไม่ให้เกิดความเสียเปรียบแม้ว่าเหตุผลที่เข้าซื้อจะเพื่อความมั่นคงก็ตาม
เบื้องต้นต้องชัดเจนก่อนว่าจะแก้ไขปัญหาในประเด็นทางกฎหมายทั้ง 4 ข้ออย่างไร เมื่อมีความชัดเจนก็จะนำไปสู่การตัดสินใจซื้อหรือไม่อย่างไร โดยในเบื้องต้น ทางการมีข้อมูลเพียงพอแล้วจากเทมาเส็คว่าเขาคิดอย่างไร เขาก็มีข้อมูลเพียงพอแล้วในชั้นต้นว่าทางการไทยต้องการอะไร ระหว่างนี้ทางการต้องมีการตรวจสอบทรัพย์สินและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนนั้น และถ้าจะเดินหน้าต่อไปจะเดินหน้าต่อไปอย่างไร
ทั้งนี้ นายกรณ์ กล่าวว่าตนได้ไปพบกับทางเทมาเส็คเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวในวันที่ 12 เม.ย. 53 และได้พูดถึงประเด็นปัญหาเกี่ยวกับความมั่นคง ในเวลานั้น และได้เปิดประเด็นเรื่องความเป็นเจ้าของเพราะทางสิงคโปร์ได้แจ้งว่าไม่มีเจตนาที่จะเข้ายึดครองธุรกิจดาวเทียม แต่ติดพ่วงมากับหุ้น SHIN ที่เทมาเส็คเข้าไปซื้อกิจการ ซึ่งต้องการกิจการโทรศัพท์เคลื่อนที่ หรือ บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์เซอร์วิส (ADVANC)
นายกรณ์ กล่าวถึงกรณีการปั่นหุ้น THCOM ว่า ตนได้ขอให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรพย์ (ก.ล.ต.) รวมถึง ตลาดหลักทรัพย์เข้ามาตรวจสอบพฤติกรรมและให้เปิดเผยข้อมูลด้วย เพื่อหาตัวคนที่ใช้ข้อมูลภายใน ขณะเดียวกันก็ย้ำว่า ตนไม่เคยเกี่ยวข้องหรือถือหุ้น THCOM และมั่นใจว่า ตน นายศิริโชค โสภา และนายกรัฐมนตรี ก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเรื่องราคาหุ้น