ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (17 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มที่มีความเสี่ยงต่ำ รวมถึงหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคและกลุ่มประกันสุขภาพ นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากข่าวที่ว่า รัฐบาลสเปนสามารถระดมทุนจากการออกพันธบัตรงวดใหม่ได้เป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายเป็นไปอย่างซบเซา ท่ามกลางวอลุ่มการซื้อขายที่เบาบาง เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังต่อข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐ โดยเฉพาะตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกที่พุ่งขึ้นเหนือความคาดหมายในรอบสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งข้อมูลดังกล่าวทำให้เกิดความกังวลว่าจำนวนคนว่างงานที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐอาจส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจด้วย
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวก 24.71 จุด หรือ 0.24% แตะที่ระดับ 10,434.17 จุด ดัชนี S&P 500 ดีดขึ้น 1.43 จุด หรือ 0.13% ปิดที่ 1,116.04จุด และดัชนี Nasdaq บวก 1.23 จุด หรือ 0.05% ปิดที่ 2,307.16 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 7.94 พันล้านหุ้น ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 9.65 พันล้านหุ้น
นักวิเคราะห์จากบริษัท เฟทเดอเรทเต็ด อินเวสเตอร์ส ในกรุงนิวยอร์กกล่าวว่า นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นที่มีความเสี่ยงต่ำ รวมถึงหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคและกลุ่มประกันสุขภาพ ในช่วงที่เศรษฐกิจยังคงเผชิญกับภาวะเปราะบาง โดยหุ้นเฟิร์สเอนเนอร์จี ปิดบวก 1.6% และหุ้นเอ็ทนา อิงค์ ปิดบวก 4.5% หลังจากบริษัทปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการในไตรมาส 2 เนื่องจากต้นทุนทางการแพทย์ปรับตัวลดลง
ขณะเดียวกัน ตลาดได้แรงหนุนจากข่าวที่ว่ารัฐบาลสเปนสามารถระดมทุนได้เกือบ 3.5 พันล้านยูโรในการประมูลพันธบัตรงวดใหม่ประเภท 10 ปี และ 30 ปี ซึ่งข่าวดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับวิกฤตการณ์การเงินในยุโรป และยังหนุนสกุลเงินยูโรแข็งค่าขึ้นด้วย
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงกดดันและส่งผลให้ดัชนีดาวโจนส์ปิดบวกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 12 มิ.ย. พุ่งขึ้น 12,000 ราย สู่ระดับ 472,000 ราย สวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะลดลงสู่ระดับ 450,000 ราย จากสัปดาห์ก่อนหน้านั้น เนื่องจากอุตสาหกรรมภาคการผลิต การก่อสร้าง และการศึกษา พากันลดอัตราการจ้างงาน ซึ่งข้อมูลดังกล่าวทำให้เกิดความกังวลว่าจำนวนคนว่างงานที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐอาจส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจด้วย
นอกจากนี้ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาฟิลาเดลเฟียเปิดเผยว่า ดัชนีกิจกรรมการผลิตในเขตฟิลาเดลเฟียประจำเดือนพ.ค.ร่วงลงสู่ระดับ 8 จุด จากเดือนเม.ย.ที่ระดับ 21.4 จุด ซึ่งบ่งชี้ว่าการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในเขตฟิลาเดลเฟียซึ่งเป็นหนึ่งในเขตอุตสาหกรรมที่แข็งแกร่งที่สุดของสหรัฐ ยังคงอ่อนแอ
ตัวเลขคนว่างงานรายสัปดาห์ที่พุ่งขึ้นเหนือความคาดหมายในรอบสัปดาห์ที่แล้ว ได้ฉุดหุ้นกลุ่มค้าปลีกและหุ้นกลุ่มอื่นๆที่ต้องพึ่งพากำลังซื้อจากผู้บริโภค โดยหุ้นเบดบาธ แอนด์ บียอนด์ อิงค์ ปิดร่วงลง 7.6% ขณะที่หุ้นไดเร็ค ทีวี ปิดร่วง 3.9%
หุ้นพรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล (P&G) ปิดบวก 0.9% แต่หุ้นบีพีปิดลบ 14 เซนต์ แตะที่ระดับ 31.71 ดอลลาร์ หลังจากผู้บริหารบีพีประกาศงดจ่ายเงินปันผลมูลค่ารวม 2.6 พันล้านดอลลาร์สำหรับงวดที่มีกำหนดจ่ายในวันที่ 21 มิ.ย.