ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (18 มิ.ย.) ส่งผลให้ปิดบวกเป็นสัปดาห์ที่ 2 ติดต่อกัน แม้ว่าข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐจะไม่สู้ดีนักและนักลงทุนยังมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตหนี้สินในยุโรปก็ตาม
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวก 16.47 จุด หรือ 0.16% แตะที่ระดับ 10,450.64 จุด ดัชนี S&P 500 ดีดขึ้น 1.47 จุด หรือ 0.13% ปิดที่ 1,117.51 จุด และดัชนี Nasdaq บวก 2.64 จุด หรือ 0.11% ปิดที่ 2,309.80 จุด
การซื้อขายระหว่างวันค่อนข้างผันผวน เนื่องจากมี futures และ options สี่ประเภทที่ครบกำหนดส่งมอบในวันเดียวกัน หรือที่เรียกว่า "quadruple witching" แต่สุดท้ายหุ้นสำคัญๆ ก็ดีดตัวขึ้นในช่วงก่อนปิดตลาดหนุนให้ดาวโจนส์ปิดบวกได้สำเร็จ
ถึงกระนั้นนักลงทุนก็ยังมีความวิตกกังวลเรื่องการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ หลังจากที่กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่าจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 12 มิถุนายน พุ่งขึ้น 12,000 ราย สู่ระดับ 472,000 ราย สวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะลดลงสู่ระดับ 450,000 ราย ขณะที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการสร้างบ้านในเดือนพฤษภาคมร่วงลง 10% มาอยู่ที่ระดับ 593,000 ยูนิตต่อปี ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธันวาคมปีที่แล้ว และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ที่ 650,000 ยูนิตต่อปี ขณะที่ตัวเลขการอนุญาตสร้างบ้านก็ลดลง 5.9% สู่ระดับต่ำสุดในรอบ 1 ปี ซึ่งสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น
ขณะเดียวกันนักลงทุนกำลังจับตามองยุโรปเป็นพิเศษ เนื่องจากในวันศุกร์หุ้นยุโรปปรับตัวสูงขึ้น 8 วันทำการติดต่อกัน ซึ่งถือว่าปรับเพิ่มต่อเนื่องนานที่สุดในรอบ 11 เดือน โดยได้รับแรงหนุนจากการที่ผู้นำประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรป (อียู) ตกลงร่วมกันที่จะให้มีการเปิดเผยผลการทดสอบภาวะวิกฤต (stress test) ของธนาคารพาณิชย์ในภูมิภาคในช่วงครึ่งหลังของเดือนกรกฎาคมเป็นอย่างช้า ซึ่งเป็นความพยายามหนึ่งในการปรับปรุงความโปร่งใสของธนาคารในยุโรปและฟื้นคืนความเชื่อมั่นของนักลงทุน