นายพุทธชาติ รังคสิริ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ทีดับบลิวแซด คอร์ปอเรชั่น(TWZ)เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาการทำธุรกิจใหม่ ซึ่งมีความใกล้เคียงกับธุรกิจเดิมเพื่อให้สามารถต่อยอดธุรกิจกันได้ คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายใน 1-2 เดือนนับจากนี้
บริษัทมีความหวังว่าธุรกิจใหม่ดังกล่าวจะช่วยเพิ่มรายได้และกำไรให้กับบริษัทมากขึ้น เช่นเดียวกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ได้ดำเนินการมาในช่วงก่อนหน้านี้ ซึ่งในปีนี้จะมีการโอนอสังหาริมทรัพย์ให้กับลูกค้า มูลค่าราว 100-200 ล้านบาท
"การที่เราพยายามมองหาธุรกิจใหม่ๆ ไม่ใช่ธุรกิจมือถือไม่โต เพราะดีมานด์มากและยังสูง แต่ระบบการสื่อสารบ้านเราอิงการเมือง ทำให้เติบโตช้าเมื่อเทียบกับต่างประเทศที่พัฒนาเร็วและมีการเติบโตกว่ามาก ดังนั้นก็จะต้องหาธุรกิจใหม่ๆ เข้ามาเสริมรายได้ไม่ใช้อิงอยู่กับรายได้เดิมอย่างเดียวแล้ว"นายพุทธชาติ กล่าว
สำหรับธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่นั้น นายพุทธชาติ กล่าวว่า บริษัทยังมีแนวทางที่เจาะตลาดประเทศภูมิภาคเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นการร่วมมือกับผู้ผลิตของจีน โดยที่บริษัทจะเป็นผู้พัฒนาผลิตภัณฑ์ ส่งให้กับทางจีนเป็นผู้ผลิต ก่อนจะนำกลับมาทำตลาด ภายใต้แบรนด์ G'FIVE ระดับราคา 1.5-3.0 พันบาท/เครื่อง นอกเหนือจากการจำหน่ายในประเทศ ซึ่งจะเป็นการเพิ่มช่องทางในการจำหน่ายและสร้างยอดขายได้เพิ่มขึ้น รวมทั้งยังเป็นการทำให้ต้นทุนบริษัทลดลงอีกด้วย
นายพุทธชาติ กล่าวว่า จากการสำรวจพฤติกรรมลูกค้าก็พบว่าโทรศัพท์ในระดับราคาดังกล่าวยังมีความต้องการที่สูง และตลาดประเทศเพื่อนบ้านมีพฤติกรรมที่ไม่แตกต่างจากบ้านเรา โดยบริษัทตั้งเป้ามียอดขายเพิ่มอีก 2 หมื่นเครื่อง/เดือนจากปัจจุบันยอดขายในประเทศอยู่ที่ 5-7 หมื่นเครื่อง/เดือน
นอกจากนั้น ยังได้ศึกษาต่อเนื่องไปยังตลาดใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นด้วย เช่น อินเดียและตะวันออกกลาง เพื่อส่งสินค้าไปขายเป็นรุ่นธรรมดา เพราะพบว่าประเทศดังกล่าวไม่มีแหล่งผลิตและเป็นประเทศที่มีความต้องการใช้โทรศัพท์มือถือค่อนข้างสูง คาดว่าภายในปีนี้จะเห็นการเข้าไปเจาะตลาด
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เริ่มมีออเดอร์จากต่างประเทศเข้ามาแล้วประมาณ 2-3 หมื่นเครื่อง และอยู่ระหว่างเจรจากับประเทศมาเลเซียคาดว่าจะสรุปออเดอร์ได้อีกส่วนในเร็วๆ นี้
นายพุทธชาติ กล่าวต่อว่า สำหรับตลาดในประเทศไทยบริษัทได้มีการปรับกลยุทธในแง่ผลิตภัณฑ์ หลังจากผลกระทบเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมืองที่ผ่านมา โดยการจัดการกับสินค้าที่ตกรุ่นด้วยการทำโปรโมชั่นเพื่อกระตุ้นยอดขาย เพื่อชดเชยรายได้ที่หายไป ซึ่งในส่วนของสินค้าได้มีการปรับให้สอดคล้องกับดีมานด์ของตลาด เช่น ช่วงนี้ก็ให้น้ำหนักกับโทรศัพท์ที่ดูทีวีได้และลดฟังก์ชั่นบางอย่างออกไปเพื่อตอบรับกับช่วงเทศกาลบอลโลก รวมทั้ง การออกโทรศัพท์แฟชั่นและมีระดับราคาที่ไม่แพง
ส่วนผลการดำเนินงานปีนี้ บริษัทยังคงเป้ารายได้มากกว่า 4 พันล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 10-12% จากปีก่อนที่มีรายได้ 3.64 พันล้านบาท รายได้หลักยังคงมาจากการจำหน่ายโทรศัพท์มือถือที่ปัจจุบันยังมีความต้องการที่สูง และในปีนี้จะมีรายได้เสริมจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เข้ามาด้วย