นักวิเคราะห์ บล.เคจีไอประเมินว่า ข่าวดีเรื่องมาบตาพุดกรณีโครงการหลักๆ ของ PTT และ PTTCH รวมทั้ง SCC ไม่อยู่ในบัญชีกิจการที่กระทบรุนแรงต่อสิ่งแวดล้อม จะช่วยหนุนราคาหุ้นในวันนี้ จึงคงคำแนะนำ "ซื้อ" หุ้นหลัก โดยให้ราคาเป้าหมาย PTT ที่ 310 บาท PTTCH ที่ 124 บาท และ SCC ที่ 320 บาท
จริงอยู่ว่าหุ้นดังกล่าวปรับขึ้นมารับรู้ไปบ้างแล้ว แต่ความชัดเจนนี้น่าจะเสริมความมั่นใจต่อพื้นฐานในระยะยาวได้ คณะกรรมการ 4 ฝ่ายแก้ไขปัญญหามาบตาพุตได้ข้อสรุปเกี่ยวกับการกำหนดประเภทโครงการหรือกิจการที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรง ทั้งด้านสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติ และสุขภาพ 18 กิจการ
โครงการที่เกี่ยวกับปิโตรเคมีขั้นปลาย และโรงแยกแก๊สไม่เกี่ยวข้องอยู่ในข่ายกิจการที่มีผลกระทบฯ ดังกล่าว ซึ่งเป็นผลบวกต่อ PTTCH จากกรณีที่โรงแยกก๊าซ 6 ของกลุ่ม PTT ไม่ได้อยู่ในข่าย รวมทั้ง SCC และ TPC จากกรณีโรงงานปิโตรเคมีขั้นปลายไม่ได้อยู่ในข่าย
ทั้งนี้ กระบวนการถัดไปต้องใช้ระยะเวลาอีกหนึ่งสัปดาห์ เพื่อส่งเรื่องให้นายกฯ อนุมัติ และส่งต่อให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมประกาศรายชื่อ เพื่อนำเสนอต่อศาลขอปลดล๊อคโครงการต่อไป อย่างไรก็ตาม หากมีการปลดล็อคโครงการโรงแยกก๊าซ 6 แล้ว คาดว่าจะเดินเครื่องได้ในช่วงปลายไตรมาส 3/53 หรือต้นไตรมาส 4/53
ด้านบทวิเคราะห์ บล.ฟาร์อีส ประเมินว่า นักลงทุนเริ่มมีความเห็นด้วยและเข้าใจถึงความเป็นไปได้ที่ โรงแยกก๊าซ 6 จะกลับมาดำเนินการผลิตได้ในปีนี้ ซึ่งเรายังคงราคาเป้าหมาย PTT ปี 53 ไว้ที่ 314 บาท รวมทั้งยังคงคำแนะนำ “ซื้อ’ โดยราคาหุ้นล่าสุด 257 บาท ยังมี upside อีก 22% และคาดการณ์ dividend yield อีก 4.1% สำหรับปี 53
ในที่สุดแล้ว คณะกรรมการ 4 ฝ่ายก็ได้ข้อสรุปเกี่ยวกับบัญชีกิจการที่ส่งผลกระทบรุนแรงต่อชุมชนเป็นผลสำเร็จ ซึ่ง GSP#6 ได้หลุดพ้นจากบัญชีดังกล่าวตามคาด เนื่องจากเห็นว่า โรงแยกก๊าซดังกล่าว ไม่ควรอยู่ในข่ายที่ก่อให้เกิดมลพิษที่ร้ายแรงเมื่อเทียบกับโครงการบางอย่างในจังหวัดระยอง เนื่องจากเป็นลักษณะของท่อส่งก๊าซธรรมชาติเป็นหลัก ซึ่งในช่วงที่มีการฟ้องร้องจนนำมาสู่การระงับโครงการไว้ชั่วคราวตามคำสั่งศาลปกครองสูงสุด ยังไม่ได้ข้อมูลที่เพียงพอต่อการพิจารณาของศาลในขณะนั้น
นอกจากนี้ PTT ยังสร้างมาตรฐานการดำเนินงานของบริษัทที่สูงขึ้นไปอีก โดยจัดทำรายงาน HIA เพื่อให้มั่นใจว่า โครงการดังกล่าวไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนเพื่อให้ คชก.พิจารณาเห็นชอบก่อนที่จะดำเนินการผลิตในอนาคต